Quantcast
Channel: iMoD
Viewing all 24315 articles
Browse latest View live

ลือ iPhone Edition กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง ด้านหลังตัวเครื่องทำจากโลหะ

$
0
0

ห่างหายกันไปนานสำหรับข่าว iPhone 8 (iPhone Edition, iPhone X) ล่าสุดมีสื่อต่างประเทศแห่งหนึ่งอ้างว่าได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าววงในเกี่ยวกับ iPhone Edition ว่าใช้กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง ด้านหลังตัวเครื่องเป็นโลหะ

เว็บไซต์ iDropNews รายงานว่า ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ iPhone Edition (แหล่งข่าวเผยว่าจะใช้ชื่อนี้) ว่าตอนนี้ iPhone Edition อยู่ในขั้นตอน ทดสอบตัวต้นแบบ (Prototype) ขั้นสุดท้าย โดยตัวเครื่องจะมีการออกแบบใหม่ไม่เหมือนกับรุ่นก่อนหน้าอย่างแน่นอน

iPhone Edition กล้องหลังแนวตั้งและกล้องหน้า 2 ตัว

แหล่งข่าวที่เว็บไซต์ iDropNews อ้างถึงคือ พนักงานคนหนึ่งในโรงงาน Foxconn เผยว่า iPhone Edition จะใช้ กล้องหลัง 2 ตัวแบบแนวตั้ง เพื่อให้รองรับคุณสมบัติ AR/VR และที่น่าสนใจคือ กล้องหน้าก็จะมี 2 ตัวเช่นเดียวกัน เพื่อให้รองรับ เซนเซอร์ 3 มิติสำหรับใช้การสแกนใบหน้า

ด้านหลังตัวเครื่องเป็นวัสดุโลหะ

พนักงานโรงงาน Foxconn เผยกับเว็บไซต์ iDropNews อีกว่า ข่าวลือส่วนใหญ่ที่มีก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยถูกต้อง โดยแหล่งข่าวเผยว่าด้านหลังตัวเครื่อง iPhone Edition ของตัวต้นแบบใช้เป็นวัสดุโลหะ ซึ่งเป็นรอยได้ยาก มีความแข็งแรงทนทานกว่าวัสดุกระจกที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้

หน้าจอ OLED เต็มขอบแบบ 2.5D

สำหรับด้านหน้าตัวเครื่องนั้นแหล่งข่าวเผยว่าจะใช้เป็นจอ OLED เต็มขอบแบบ 2.5D แต่จะไม่โค้งลงชิดขอบเหมือนข่าวลือก่อนหน้านี้ และด้านหน้าตัวเครื่องจะมี ระบบสแกนนิ้วที่หน้าจอ (Touch ID) ซึ่งน่าจะเป็นระบบที่ Apple พัฒนาและทดสอบเองซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า Apple จะใช้เทคโนโลยีนี้หรือไม่

อย่างไรก็ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เว็บไซต์ iDropNews นำมาเปิดเผย ยังไม่มีการการันตีว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้จริง แต่เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลประกอบจากข่าวลือก่อนหน้าก็เห็นได้ว่า iPhone Edition น่าจะมีการเปลี่ยนการออกแบบตัวเครื่องจากรุ่นเดิม รวมไปถึง ณ ตอนนี้ก็มีข้อมูลว่า Apple เริ่มสั่งผลิตชิป A11 แล้ว ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งนำมาทดสอบกับตัวต้นแบบนี้นั่นเอง

ภาพแนวคิด iPhone Edition โดย iDropNews

ขอบคุณ – idropnews

ติดตามข่าว iPhone 8

The post ลือ iPhone Edition กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง ด้านหลังตัวเครื่องทำจากโลหะ appeared first on iPhoneMod.


เปิดตัวแล้ว Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ มีอะไรน่าสนใจบ้าง [ชมภาพ]

$
0
0

เปิดตัวแล้วสำหรับ Smartphone ประจำปี 2017 ของ Samsung รุ่นใหญ่อย่าง Samsung Galaxy S8 and Galaxy S8+ มีอะไรน่าสนใจบ้างไปชมกันเลย

Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+

สำหรับ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ มีรูปโฉมค่อนข้างโดดเด่นด้วยหน้าจอโค้งขนาดใหญ่ โดยมีคอนเสปว่า “Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ Smartphone ที่ไปกับคุณได้ทุกที่”

คุณสมบัติ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ที่น่าสนใจ

  • Galaxy S8 หน้าจอ 5.8 นิ้ว / Galaxy S8+ หน้าจอ 6.2 นิ้ว แบบขอบโค้ง
  • จอ Gorilla Glass 5
  • แผงฟังก์ชันเสมือนที่ด้านล่างของหน้าจอ
  • กล้องหน้า  8MP F1.7
  • กล้องหลังคู่ 12MP F1.7 / ถ่ายที่แสงน้อยได้ดี / ซูมและจัดการภาพเบลอได้ดี
  • ใช้ชิปประมวลผลแบบ 10nm ความเร็วสูง / รับส่งข้อมูล LTE Wi-Fi ได้ 1 Gbps
  • Smartphone รุ่นแรกของโลกที่ได้รับการรับรอง UHD Alliance as MOBILE HDR PREMIUMTM
  • หน้าจอคมชัด สว่างสดใส ให้ประสบการณ์การเล่นเกมดีเยี่ยม
  • มีระบบสแกนลายนิ้วมือ (หลังตัวเครื่อง) / สแกนใบหน้า / สแกนม่านตา (ผู้ใช้สามารถเลือกวิธีได้)
  • USB-C / ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
  • กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน  IP68
  • รองรับ microSD สูงสุดที่ 256GB
  • รองรับ Fast Charge / ชาร์จไร้สาย (Wireless Charging)
  • Bixby คล้ายกับ Siri และ Google Now
  • มี 5 สี Midnight Black, Orchid Gray, Arctic Silver, Coral Blue และ Maple Gold

Pre-Oder และเปิดจำหน่าย

  • Pre-Order : วันที่ 30 มีนาคม 2017
  • เปิดจำหน่าย : วันที่ 21 เมษายน 2017

ราคา (ราคาโดยประมาณ)

  • Samsung Galaxy S8 :  750 ดอลล่าร์ (27,000 บาท)
  • Samsung Galaxy S8+ : 850 ดอลล่าร์ (30,600 บาท)

ขอบคุณ – iclarified

ชมภาพ

ขอบคุณภาพประกอบจาก – androidauthority

ชมวิดีโอ


The post เปิดตัวแล้ว Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ มีอะไรน่าสนใจบ้าง [ชมภาพ] appeared first on iPhoneMod.

Apple ปล่อย iOS 10.3.2 Public Beta 1 สำหรับผู้สนใจทั่วไป พร้อมวิธีติดตั้ง

$
0
0

เมื่อวาน (29 มีนาคม 2560) หลังจากที่ Apple ได้ปล่อย iOS 10.3.2 Developer Beta 1 ให้เหล่านักพัฒนาได้ทดสอบและอีก 1 วันถัดมาก็ได้ปล่อย iOS 10.3.2 Public Beta 1 ให้ผู้สนใจทั่วไปได้ทดสอบกันแล้ว

Apple ปล่อย iOS 10.3.2 Public Beta 1 สำหรับผู้สนใจทั่วไป

การเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดในระบบและพัฒนาให้ระบบดีขึ้น หลังจากทดสอบใช้งานแล้วพบว่าระบบตอบสนองได้เร็วมากขึ้นโดยเฉพาเรื่องอะนิเมชั่นของ iOS เอง และพบว่าบางแอปพลิเคชันยังไม่รองรับแบบสมบูรณ์อาจจะมีปิดตัวลงเองบ้าง

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 10.3.2

  • iPhone 7
  • iPhone 7 Plus
  • iPhone SE, 5s
  • iPhone 6s, iPhone 6
  • iPhone 6s Plus, iPhone 6 Plus
  • iPad 9.7-inch
  • iPad Pro 9.7-inch
  • iPad Pro 12.9-inch
  • iPad mini 4, iPad Air 2, iPad mini 3
  • iPad Air, iPad mini 2
  • iPod touch (6th generation)

วิธีติดตั้ง iOS 10.3.2 Public Beta

  • ลงทะเบียนได้ที่เว็บ beta.apple.com ให้เรียบร้อยด้วย Apple ID ของเรา
  • โหลดไฟล์ iOS Beta โดยเข้าไปที่เว็บ beta.apple.com/profile ผ่าน Safari ของ iPhone, iPad

เริ่มต้นโดยกดที่ Download profile

เลือก iPhone

เลือก ติดตั้ง

เลือก เริ่มการทำงานใหม่

จากนั้นเครื่องจะรีบูตใหม่แล้วสามารถตรวจสอบซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ผ่าน OTA ได้เลย

ข้อความจำ

ควรสำรองข้อมูลเอาไว้ที่ iTunes ก่อนการอัปเดต เพราะถ้าไม่เช่นนั้นหากคุณจะดาวน์เกรดลงมาจาก Beta ไฟล์ที่สำรองจาก Beta (ซึ่งเวอร์ชั่นสูงกว่า) จะไม่สามารถกู้มาใช้กับเวอร์ชั่นที่ต่ำกว่าได้

รุ่นเบต้าคือตัวทดสอบ ฉะนั้นการที่จะเกิดข้อผิดพลาดก็ย่อมมีได้เสมอ แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการทดสอบจริงๆ เท่านั้น

The post Apple ปล่อย iOS 10.3.2 Public Beta 1 สำหรับผู้สนใจทั่วไป พร้อมวิธีติดตั้ง appeared first on iPhoneMod.

เหตุผลสนับสนุนว่าทำไมควรอัปเดตเป็น iOS 10.3

$
0
0

สำหรับ iOS 10.3 ที่ปล่อยให้อัปเดตอย่างเป็นทางการ หลายคนอาจตั้งคำถามว่าควรอัปเดตหรือไม่ นี่คือ เหตุผลสนับสนุนว่าทำไมเราควรอัปเดตเป็น iOS 10.3

iOS 10.3 เป็น iOS ล่าสุด (อย่างเป็นทางการ) ของอุปกรณ์ iOS ที่เปิดให้อัปเดตกันเมื่อไม่นานมานี้ โดยในอัปเดตถึงแม้ว่าเราจะเห็นคุณสมบัติใหม่มากนักแต่ก็มีหลายสิ่งหลายเปลี่ยนแปลงไปจาก iOS รุ่นก่อนหน้า ที่เราควรอัปเดต

เหตุผลที่ควรอัปเดตเป็น iOS 10.3

คุณสมบัติใหม่อย่าง Find My AirPods

ฟังก์ชันตัวนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้หูฟัง AirPods ทีสามารถใช้ iPhone ค้นหาหูฟัง AirPods ได้ โดยการทำงานนั้นเหมือนกับ Find My iPhone ที่สามารถระบุตำแหน่งของอุปกรณ์และส่งสัญญาณให้ส่งเสียงแจ้งเตือนได้

ข้อมูลเพิ่มเติม – มีอะไรใหม่ใน iOS 10.3

จัดระเบียบการตั้งค่า (Setting) ใหม่

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่การจัดระเบียบการตั้งค่า Apple ID, iCloud และบัญชีการใช้งานข้อมูลส่วนตัวอยู่ในเมนูเดียวกัน ก็ช่วยให้การใช้งานมีความสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม

ข้อมูลเพิ่มเติม – การตั้งค่าหลังจากอัปเดต iOS 10.3

ดูได้ว่าแอปไหนไม่ Support ใน iOS เวอร์ชันปัจจุบัน

ที่น่าสนใจอีกอย่างใน iOS 10.3 คือ เราสามารถดูได้ว่ามีแอปที่ติดตั้งบนอุปกรณ์จำนวนเท่าไหร่ และดูได้ว่ามีแอปใดบ้างที่ไม่รองรับใน iOS เวอร์ชันปัจจุบันที่เราใช้อยู่

เข้าไปดูได้ที่ Settings > General > About > Applications

หากมีสัญลักษณ์ “ >” แสดงอยู่ สามารถแตะเข้าไปดูรายการแอปที่ไม่อัปเดตได้ โดยใน iOS 10.3.2 Beta 1 จะไม่รองรับอุปกรณ์ 32bit คาดว่าแอป 32bit บางตัวจะได้รับผลกระทบส่วนนี้เช่นเดียวกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม – iOS 10.3.2 Beta 1 ไม่รองรับอุปกรณ์ 32bit

อุดช่องโหว่และแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยมากกว่า 300 จุด

แน่นอนว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างสำคัญ เนื่องจากใน iOS 10.3 มีการอัปเดต อุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาความปลอดภัยต่างๆ มากกว่า 300 จุด ดังนั้นจึงจำเป็นมากที่ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ที่สามารถอัปเดตเป็น iOS 10.3 ควรอัปเดตให้เรียบร้อย

ข้อมูลเพิ่มเติม –  iOS 10.3 แก้ปัญหาช่องโหว่

เปลี่ยนระบบไฟล์เป็น APFS

ใน iOS 10.3 ใช้ระบบไฟล์แบบใหม่เป็น APFS (Apple File System) หากสรุปง่ายๆ คือ AFPS เป็นระบบไฟล์ที่มีประสิทธิภาพกว่าแบบเดิม มีการเข้ารหัสปลอดภัยกว่า รวมไปถึงสามารถบริหารจัดการพื้นที่การติดตั้งและใช้งาน iOS ได้ดีกว่า HFS+ แบบเดิม

Apple File System
Apple File System

ข้อมูลเพิ่มเติม – APFS ระบบไฟล์แบบใหม่ของ iOS

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลสนับสนุนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตเป็น iOS 10.3 และทาง Apple เองก็ออกมาเผยว่าการอัปเดต iOS เวอร์ชันใหม่ช่วยอุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาได้หมดแล้ว ดังนั้นทีมงานจึงขอแนะนำให้ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ทำการอัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูวสุดในการใช้งานอุปกรณ์

ชมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ iOS 10.3 เพิ่มเติม

The post เหตุผลสนับสนุนว่าทำไมควรอัปเดตเป็น iOS 10.3 appeared first on iPhoneMod.

ทำความรู้จักกับ “Plus” ชื่อที่ใช้ต่อท้ายชื่อรุ่น Smartphone มีความเป็นมาอย่างไร

$
0
0

Smartphone ในอดีตและปัจจุบันมีการตั้งชื่อให้กระชับและน่าสนใจ ส่วนใหญ่แล้วมักจะนำหน้าด้วยชื่อแบรนด์ เลขรุ่น และชื่อขยายอย่างเช่น “Plus” เรามาดูข้อมูลเพิ่มเติมว่า “Plus” มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง

Samsung Galaxy S8+ (Plus)

ชื่อ “Plus” ที่เราเห็นการล่าสุด คือ Samsung Galaxy S8+ (หรือ Plus) ที่เปิดตัวเมื่อคืนนี้ แต่ชื่อนี้ก็ไปสะกิดใจใครหลายคนว่าชื่อ “Plus” ที่ต่อท้าย คล้ายกับ iPhone 6 Plus,  iPhone 6s Plus และ  iPhone 7 Plus ที่ Apple ใช้อยู่

แต่รู้หรือไม่ Samsung ใช้ชื่อ “Plus” ใน Galaxy ตั้งแต่ปี 2011 ก่อนหน้า Apple ที่ใช้ “Plus” ใน iPhone ครั้งแรกเมื่อปี 2014

Samsung ใช้ชื่อ “Plus” ก่อน Apple

Samsung Galaxy S Plus

Samsung เคยใช้ “Plus” ใน Samsung Galaxy S Plus ที่เปิดตัวและเปิดจำหน่ายเมื่อปี 2011 โดย Galaxy S Plus เป็นรุ่นที่อัปเกรดคุณสมบัติมาจาก Samsung Galaxy S ที่เปิดตัวเมื่อปี 2010

ในสมัยนั้นคาดว่าการใช้ชื่อ “Plus” ของ Samsung น่าจะหมายถึง Smartphone รุ่นอัปเดตคุณสมบัติจากรุ่นก่อนหน้า (ซีรี่ย์เดียวกัน) และมีการปรับปรุงงานออกแบบเล็กน้อยซึ่งไม่แตกต่างมาก

iPhone 6 Plus

หลังจากนั้นชื่อ “Plus” ก็กลับมาให้เห็นอีกครั้งเมื่อ Apple เปิดตัวและเปิดจำหน่าย iPhone 6 Plus เมื่อปี 2014 โดยในปีนั้น Apple เปิดตัว iPhone 2 รุ่นคือ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus โดย iPhone 6 Plus เป็นรุ่นที่มีตัวเครื่องและหน้าจอใหญ่กว่า iPhone 6 นั่นเอง

ดังนั้นชื่อ “Plus” ที่ Apple ใช้น่าจะเป็นการ แบ่งแยกขนาดตัวเครื่อง ขนาดหน้าจอ และคุณสมบัติ iPhone ที่เปิดตัวพร้อมกัน (ซีรีส์เดียวกัน) โดยปี 2016 ที่ผ่านมา iPhone 7 Plus ก็มีคุณสมบัติเยอะกว่ารุ่นปกติอีกด้วย

นอกจากชื่อ “Plus” ที่เราเห็นกันแล้ว ปัจจุบันก็มีชื่ออื่นให้เห็นกันอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น S, Plus, Edge, N, P และอื่นๆอีกมากมาย การใช้ชื่อต่อท้ายเหล่านี้จะช่วยให้สามารถแบ่งแยกแต่ละรุ่นได้ชัดเจนนั่นเอง

The post ทำความรู้จักกับ “Plus” ชื่อที่ใช้ต่อท้ายชื่อรุ่น Smartphone มีความเป็นมาอย่างไร appeared first on iPhoneMod.

Tim Cook ใช้ความเงียบเป็นอาวุธในการสัมภาษณ์งานที่ Apple

$
0
0

การสัมภาษณ์งานกับบริษัทใหญ่ๆ มักเจอคนสัมภาษณ์งานที่ค่อนข้างกดดัน และหนึ่งในนั้นคือ Tim Cook CEO ของ Apple โดย Kim Scott เผยประสบการณ์สัมภาษณ์งานที่ Apple ว่า Tim Cook ใช้ความเงียบเป็นอาวุธในการสัมภาษณ์งาน

Kim Scott (อดีตผู้บริหาร Google) ได้ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ในการเปิดตัวหนังสือชื่อ Radical Candor: Be a Kick-Ass Boss Without Losing Your Humanity เกี่ยวกับประสบการณ์สัมภาษณ์งานกับ Tim Cook

Tim Cook เป็นผู้ฟังที่เงียบมาก

เธอเผยว่า “Tim Cook เป็นผู้ฟังที่เงียบมาก” ซึ่งก่อนหน้านี้มีหลายคนเตือนเธอว่า ระวังให้ดี Tim Cook เป็นคนที่เงียบมาก อย่าไขว้เขว เริ่มต้น Tim Cook ยิงประเด็นคำถาม Kim Scott ว่า “ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดที่เธอทำต่อ Google คืออะไร?”

Kim Scott เผยว่า ด้วยความที่ไม่ได้สนใจอะไรมาก เธอก็ได้เล่าถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นที่ Google ให้ Tim Cook ฟัง แต่น่าแปลกที่ Tim Cook ฟังอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรเลย

หลังจากนั้น Kim Scott ก็เล่าเรื่องต่อไป แต่ลดการพูดสิ่งที่ทำให้ตัวเองดูไม่ดีลงเล็กน้อย เพราะเธอหวังว่าอยากให้การสัมภาษณ์ออกมาดี แต่ Tim Cook ก็ยังเงียบอยู่ เธอคิดในใจว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ

แต่จู่ๆ อาคารที่เธอนั่งสัมภาษณ์อยู่เกิดสั่นไหวคาดว่ามาจากแผ่นดินไหว ในห้องเริ่มสั่นและเหวี่ยงไปมา เธอจึงใช้โอกาสนี้ลดความตึงเครียดในการสัมภาษณ์ลงโดยถาม Tim Cook ว่า “Tim ตึกนี้มีการออกแบบอย่างไร” และ Tim Cook และวิศวกรที่อยู่ในห้องสัมภาษณ์ก็ได้อธิบายเกี่ยวกับหลักการทางด้านวิศวกรรมให้เธอฟัง

โดย  Kim Scott เผยว่า ขอบคุณแผ่นดินไหวครั้งนั้น ที่ช่วยลดบรรยากาศในห้องนั้นลง และ Tim Cook เป็นคนที่สัมภาษณ์งานด้วยความเงียบมากๆ

ขอบคุณ – businessinsider

The post Tim Cook ใช้ความเงียบเป็นอาวุธในการสัมภาษณ์งานที่ Apple appeared first on iPhoneMod.

แอบส่อง Samsung Galaxy S8 มีเทคโนโลยีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?

$
0
0

Galaxy S8 และ S8+ สมาร์ทโฟนจาก Samsung หลังจากที่พึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อคืน พรีวิว 8 ความประทับใจแรกพบ ในฐานะสาวก iPhone ก็ยอมรับว่ามีนวัตกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจเหมือนกัน ซึ่งในรอบนี้ Samsung ไม่ได้มาขายสเปคอีกต่อไป (แรงกว่า S7 เดิมแค่ 11%) ดังนั้นสิ่งที่ทำให้คนซื้อจะเหลือเพียง “ดีไซน์” และ “ฟีเจอร์” ซึ่งก็ดูเหมือนว่ารอบนี้จะทำการบ้านมาได้ดี

Samsung DeX
Samsung DeX

Samsung DeX

นี่ไม่ใช่แนวคิดแรก แต่เป็นการสานต่อทั้งความฝันของ Microsoft และ Google ซึ่งก็คือการเอาอุปกรณ์พกพามาวางบน Dock เพื่อใช้งานแทน PC โดยส่วนตัวคิดว่า Android เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ได้ แต่เป็น Tablet ที่แย่มาก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการเป็น Desktop

Samsung ดัดแปลง Android 7.0 Nougat เพื่อให้ใช้งานเป็น Desktop

ตามทฤษฎีก็คือทุกแอปพลิเคชันที่ต่อออก Samsung DeX ก็ต้องเป็นแอปฯ ที่นักพัฒนาดัดแปลงมาให้รองรับ โดยในเบื้องต้นก็จะเป็นแอปฯ ของทาง Samsung และพันธมิตรอย่าง Microsoft Office, Adobe Lightroom, YouTube แต่ข้อเสียคือหากไม่ใช่แอปฯ ที่เขียนมาเฉพาะจะใช้งานไม่ได้

สำหรับวิธีการใช้งานจะค่อนข้างคล้ายกับ Desktop ที่เราคุ้นเคย สามารถต่อเมาส์และคีย์บอร์ด (รวมถึงสาย LAN) เพื่อใช้งานลากวางและคีย์ลัดได้ตามปกติ ตอนนี้ยังไม่รองรับพิมพ์ไทย หากใครใช้งานไม่หนักมาก็ถือว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน

18.5 : 9
18.5 : 9

18.5 : 9

ตัวเลขด้านบนไม่ใช่หวยแต่อย่างใด แต่เป็นสัดส่วนหน้าจอที่ Samsung ตั้งมาตรฐาน (ตัวเอง) ขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่เป็น 16 : 9 แต่เนื่องจากการออกแบบของ Galaxy S8 และ S8+ ต้องการทำให้พื้นที่ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น จนกระทั่งมีขนาดสูงถึง 80% ของหน้าจอ (ตัดปุ่มออกไปทั้งหมด) ส่วนปุ่ม Home ซ่อนไว้ใต้หน้าจอให้กดอารมณ์คล้าย 3D Touch

เมื่อใช้งานร่วมกับแบ่งสองหน้าจอ จอที่แบ่งออกจะไม่เล็กจนเกินไป

โดยหน้าจอแบบนี้ Samsung เรียกมันว่า “Infinity Display” เต็มจอแบบไร้กรอบด้านหน้า และยาวจรดขอบข้าง ข้อดีก็คือคุณจะได้หน้าจอขนาด 5.8″ (S8) หรือ 6.2″ (S8+) ในขนาดที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่ข้อเสียก็คือสัดส่วนแบบนี้อาจดูหนังได้ไม่เต็มจอ รวมถึงยังต้องเผื่อพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ทำปุ่มจำลองอยู่ดี

Iris Scanner
Iris Scanner

Iris Scanner

ได้ใช้กันเป็นรุ่นแรกหากไม่นับ Galaxy Note 7 ที่ยกเลิกการขายไปกลางคัน ส่วนตัวมองว่าเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างล้ำและปลอดภัย เนื่องจากมันไม่ใช่แค่กล้องสแกนใบหน้า แต่เป็นการสแกนยันม่านตาที่ต้องใช้ IR LED ร่วมกับ Iris Camera ที่มีความสลับซับซ้อนไม่แพ้ลายนิ้วมือ และที่สำคัญคือมัน “เร็ว”

สแกนม่านตาสามารถใช้ได้ทั้งกับคนใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์

ไม่หยุดเพียงแค่การปลดล็อคเครื่องเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กับโฟลเดอร์ลับ (Secure Folder) รวมถึงใช้งานแทนรหัสผ่านร่วมกับ Samsung Pay หรือแอปพลิเคชันอื่นเพื่อต่อยอดไปอีก

Bluetooth 5.0
Bluetooth 5.0

Bluetooth 5.0

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยมีอุปกรณ์รองรับเท่าไหร่ แต่สำหรับ Bluetooth 5.0 ก็เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ Samsung Galaxy S8 และ S8+ นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสองรองลงมาจาก SONY Xperia XZ Premium ที่เลือกใช้ Bluetooth 5.0

  • เร็วขึ้น 2 เท่า
  • ไกลขึ้น 4 เท่า
  • ข้อมูลได้มากขึ้น 8 เท่า
  • การอยู่ร่วมกันแบบไร้สาย

หากใครไม่รู้จะเอาไปทำอะไรหนึ่งในนั้นก็คือการรองรับอนาคต IoT แต่ที่ใกล้ตัวที่สุดคงหนีไม่พ้น “ความเร็วโอนถ่าย” หรือแม้กระทั่งความสามารถอย่างรองรับหูฟังบลูทูธ เพื่อฟังเพลงพร้อมกันทั้ง 2 อุปกรณ์

Bixby
Bixby

Bixby

Apple ตอนนี้มี Siri ดังนั้น Samsung จึงขอสู้ด้วย Bixby ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำกับ 3 คุณสมบัติหลักที่ทำได้เหนือยิ่งกว่า Siri เสียอีก! (ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความฉลาดของ AI และข้อมูลสารสนเทศ)

  1. Completeness : เป็นการสั่งงาน App ผ่านเสียงได้แทบจะทุกคำสั่งที่นิ้วมือใช้ได้ โดยมีเงื่อนไขคือ App ต้องเขียนมารองรับด้วยเช่นกัน
  2. Context Awareness : เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และนำเสนอสิ่งที่เหมาะสม เช่น หากเราชอบฟังเพลงไหนเป็นพิเศษก็จะเอามานำเสนอให้เลย
  3. Cognitive Tolerance : รับรู้คำสั่งโดยไม่ต้องเรียงลำดับประโยค รวมถึงการคาดเดาประโยคกรณีที่ได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน

เบื้องต้นจะรองรับ 8 ภาษาด้วยกัน ไม่มีภาษาไทย ความน่าสนใจอยู่ตรงที่อนาคต Bixby จะไปอยู่ในหลายแอปพลิเคชันและอุปกรณ์ IoT และบังเอิญว่า Samsung เองก็เป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่เช่นกัน เราอาจได้เห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าคุยกันเอง

นอกจากนี้ Bixby ยังทำงานร่วมกับกล้องได้ เพียงถ่ายรูปก็บอกได้ถึงสถานที่ หรือถ่ายสินค้าแล้วบอกชื่อสินค้าพร้อมแหล่งที่ซื้อ ฯลฯ ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลนี้นั้นจะทำให้ QR Code หรือแปลภาษานั้นเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย

Mobile HDR Premium
Mobile HDR Premium

Mobile HDR Premium

Samsung Galaxy S8 และ S8+ เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจาก Mobile HDR Premium เพื่อมอบประสบการณ์แห่งสีสันที่เหนือกว่า โดยปกติแล้วการถ่ายวิดีโอแบบ HDR หากจะรับชมหน้าจอก็ควรจำเป็นต้อง HDR ด้วยเช่นกัน

ซึ่งมาตรฐานที่ Mobile HDR Premium กำหนดคือต้องแสดงผลแบบ 10-Bit ให้ความสว่างได้ตั้งแต่ 0.0005 – 540 nits (ดำสนิท – ขาวสว่าง) และแสดงสีสันภายใต้มาตรฐาน DCI-P3 ได้อย่างน้อย 90% รวมถึงมีความละเอียดมากกว่า 60 Pixels/Degree

Samsung Exynos 10nm
Samsung Exynos 10nm

Samsung Exynos 10nm

ครั้งแรกของวงการ กับหน่วยประมวลผลบนสมาร์ทโฟนขนาด 10 นาโมเมตร ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยี 3D Transistor Structure ทำให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้น 30% และกินไฟน้อยลง 27-40% ซึ่งถึงแม้ว่าทาง Samsung เองจะประกาศว่า Galaxy S8 และ S8+ จะเร็วกว่า S7 เพียงแค่ 11% ก็ตาม

ส่วนผลพลอยได้ของชิปเซ็ตก็คือรองรับ Gigabit LTE และ Gigabit Wi-Fi ในความเร็วระดับ 1 กิกะบิตต่อวินาที หากเครือข่ายหรืออุปกรณ์ไร้สายของเรารองรับ เท่ากับว่าการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ 4K ก็ไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด

Samsung Galaxy S8 ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดเดาว่าน่าจะอยู่ประมาณ 24,000-27,000 บาท (ไม่ยืนยัน) เมืองนอกขายวันที่ 21 เมษายน 2560 สำหรับเมืองไทยน่าจะเป็นระยะเวลาไล่เลี่ยกัน

อ้างอิง – samsungmobilepress.com

The post แอบส่อง Samsung Galaxy S8 มีเทคโนโลยีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ? appeared first on iPhoneMod.

นักวิเคราะห์เผย iPhone 8 ใช้จอ OLED ขอบโค้งแต่ไม่โค้งเหมือน Galaxy S8

$
0
0

นักวิเคราะห์ต่างประเทศเชื่อว่า iPhone 8 จะใช้จอ OLED ขอบโค้งจริง แต่จะไม่ใช่ขอบโค้งเหมือนกับ Galaxy S8 ที่เปิดตัวมาไม่นานนี้ พร้อมทั้งรุ่นใหญ่จอ OLED จะมีราคาต่อเครื่องอาจสูงถึง 1,000 ดอลล่าร์เลยทีเดียว

iPhone 8 จอ OLED ไม่โค้งเท่า Galaxy S8

Rod Hall นักวิเคราะห์จาก JP Morgan ให้ความเห็นเกี่ยวกับ iPhone 8 หลังจากการเปิดตัว Galaxy S8 ว่า จอ OLED ของ Apple มีทิศทางคล้ายกับ Galaxy S8 แต่ตัวบ่งชี้หลายอย่างชี้ให้เห็นว่าน่าจะเป็น จอ OLED แบบไม่โค้งหรือโค้งน้อยกว่าหน้าจอโค้งของ Galaxy S8 ที่เรียกว่า “หน้าจอเต็มขอบแบบ Infinity (Infinity Display)”

รายงานการวิเคราะห์ของ Rod Hall ก็สอดคล้องกับหลายรายงานก่อนหน้านี้ในประเด็นที่ว่า iPhone 8 จะใช้จอ OLED แบบเต็มขอบโค้งแต่ไม่โค้งเท่า Galaxy S7 Edge เป็นต้น

ราคาเฉลี่ย iPhone 8 อยู่ที่ 1,000 ดอลล่าร์

นอกจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ราคาของ iPhone 8 จอ OLED อยู่ราวๆ 1,000 ดอลล่าร์ โดย Rod Hall คาดการณ์ว่า ราคา 1,000 ดอลล่าร์เป็นราคาขายเฉลี่ยของ iPhone 8 จอ OLED แต่ละรุ่นแต่ละขนาด ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเผยให้เห็นว่า  iPhone 8 จอ OLED จะมีรุ่นขนาดความจุเท่าไหร่บ้าง

หลังจากที่ Galaxy S8 และ S8+ เปิดตัว ก็แสดงให้เห็นทิศทางการใช้จอ OLED แบบเต็มความกว้างของหน้าจอใน Smartphone รุ่นใหม่มากขึ้น ทั้งนี้ iPhone 8 หรือ iPhone Edition ที่จะเปิดตัวช่วงท้ายปี 2017 นี้ มีรายงานว่า อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทดสอบตัวต้นแบบแล้ว คาดว่าอีกไม่นานคงมีข่าวให้เราติดตามกันอย่างแน่นอน

ขอบคุณ – 9to5mac

The post นักวิเคราะห์เผย iPhone 8 ใช้จอ OLED ขอบโค้งแต่ไม่โค้งเหมือน Galaxy S8 appeared first on iPhoneMod.


ความคืบหน้าก่อสร้าง Apple Park ต้นเดือนเมษายน 2560

$
0
0

เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2560 ทีมงานได้อัปเดตความคืบหน้า ของ Apple Park 1 เดือนก่อนเปิดทำการในเมษายน 2560 นี้ ล่าสุดสิ้นเดือนเดียวกันมีวิดีโออัปเดตมาให้ชมครับ ซึ่งปลายเดือนเมษานี้สถานที่แห่งนี้อาจจะใช้เป็นที่เปิดตัว iPad Pro และ iMac รุ่นใหม่ก็เป็นได้ครับ

ความคืบหน้าก่อสร้าง Apple Park ต้นเดือนเมษายน 2560

แม้ว่าทาง Apple แจ้งว่าเมษายน 2560 นี้จะเริ่มให้พนักงานขนย้ายข้าวของเข้าสำนักงานแห่งใหม่นี้ได้แต่ดูจากความคืบหน้าในคลิปนี้แล้ว ก็คงต้องลุ้นไปด้วยกันว่าจะทันไหม ไปชมอัปเดตล่าสุดกันครับ

ข้อมูลเกี่ยวกับ Apple Park

เห็นหน้าตาแบบนี้หลายคนคิดว่าเป็นยานอวกาศเตรียมบินออกนอกโลก! เอ้ยไม่ใช่ นี่มันสำนักงานแห่งใหม่ของ Apple เค้า ซึ่ง “Steve Jobs มีความต้องการให้ Apple Park เป็นเหมือนสิ่งที่ระลึกช่วงชีวิตของเขาให้อยู่กับพวกเราไปนานๆ สถานที่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงานของ Apple ได้เกิดแนวคิดหรือไอเดียใหม่ๆ ทามกลางสภาพแวดล้อมของ Apple Park แห่งนี้”

รายละเอียดคร่าวๆ ของ Apple Campus 2 ประกอบไปด้วย

  • อาคารสำนักงานสำหรับการวิจัยและพัฒนาขนาดพื้นที่ใช้งานประมาณ 260,000 ตารางเมตร
  • หอประชุมขนาด 1000 ที่นั่ง
  • ศูนย์ฟิตเนสสำหรับพนักงาน
  • โรงงานกลาง
  • สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการวิจัยพื้นที่กว่า 27,870 ตารางเมตร
  • อาคารที่จอดรถ
  • Apple Park จะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ในการดำเนินการด้านพลังงาน

ชมคลิป

ขอบคุณ Matthew Roberts

The post ความคืบหน้าก่อสร้าง Apple Park ต้นเดือนเมษายน 2560 appeared first on iPhoneMod.

Apple รายงานความก้าวหน้าความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์ประจำปี 2017

$
0
0

ล่าสด Apple ได้ รายงานความก้าวหน้าความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์ประจำปี 2017 มีอะไรน่าสนใจบ้างไปชมสรุปข้อมูลกันเลย

แน่นอนว่า Apple บริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญกับผู้เกี่ยวข้องด้านธุรกิจทุกด้านและหนึ่งในนั้นคือ ซัพพลายเออร์ หรือ ผู้ผลิต ที่ Apple ประกาศเสมอว่าให้ความสำคัญและมีการตรวจสอบมาตรฐานเสมอ

ประเมินซัพพลายเออร์

Apple มีข้อกำหนด วิธีปฎิบัติ การตรวจสอบและประเมินมาตฐานซัพพลายเออร์ โดยล่าสุดปี 2016 Apple ได้ประเมินผลซัพพลายเออร์ไปแล้ว 705 ครั้ง มีซัพพลายเออร์จำนวน 332 รายได้คะแนนระดับสูง (90 – 100 คะแนน) ระดับปานกลาง 349 ราย (60 – 89 คะแนน) และมีซัพพลายเออร์ 24 รายที่ได้คะแนนระดับต่ำ (น้อยกว่า 59 คะแนน)

ประเมินความก้าวหน้าของซัพพลายเออร์

การประเมินและวัดความก้าวหน้าของซัพพลายเออร์นั้น Apple ประเมินผลและพิจารณาอยู่ 3 ด้าน คือ สิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชน ความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งคะแนนโดยรวมอยู่ที่ 85 – 87 คะแนนในทุกด้าน สื่อให้เห็นว่าซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด

การดูแลเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมของซัพพลายเออร์

Apple เผยว่าได้กระจายโครงการดูแลเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมให้กับซัพพลายเออร์ โดยมีการลงทุนสร้างพลังานหมุนเวียน 4 กิกะวัตต์ ทั่วโลกภายในปี 2020 เพื่อจ่ายไฟให้กับโรงงานของซัพพลายเออร์ โดยในปี 2016 สามารถ ลดก๊าซคาร์บอนลงได้ถึง 150,000 เมตริกตัน และตั้งเป้าว่าปี 2018 จะลดให้ได้ถึง 7,000,000 เมตริกตันต่อปี (เทียบเท่ากับการนำรถ 1,500,000 คันออกจากท้องถนนเป็นเวลาหนึ่งปี)

โซลาร์ฟาร์มในเมืองหงหยวน ประเทศจีน

การให้ความรู้และการเสริมศักยภาพให้กับพนักงาน

ในปี 2016 Apple มีการลงทุนด้านการให้ความรู้และการเสริมศักยภาพเกี่ยวกับสิทธิลูกจ้างให้กับพนักงาน มากกว่า 2.4 ล้านคน และมีการสนับสนุนด้านการศึกษาในระดับปริญญาตรีหรืออนุปริญญา เข้ารับการฝึกอบรมด้าน วิชาชีพ และเรียนวิชาด้านภาษา ศิลปะ การเงิน รวมถึงทักษะการใช้ชีวิตขั้นพื้นฐาน

พนักงานของซัพพลายเออร์ในเมืองซูโจว ประเทศจีน เข้าเรียนเรื่องสุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย

สรุปความสำเร็จจากรายงานปี 2017 ของ Apple

  • ซัพพลายเออร์ 98% ปฏิบัติตามมาตรฐานการทำงานต่อสัปดาห์ที่ 60 ชั่วโมง
  • พนักงาน 2.4 ล้านคน ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับสิทธิของตนเองในปี 2016
  • แผนผังเส้นทางซัพพลายเชนของดีบุก แทนทาลัม ทังสเตน ทอง และโคบอลต์ ถูกนำไปดำเนินการแล้ว 100%
  • โรงหลอมแร่และโรงงานสกัดแร่ดีบุก แทนทาลัม ทังสเตน ทอง และ โคบอลต์เข้าร่วมการตรวจสอบโดยหน่วยงานภายนอกแล้ว 100%
  • เงินจำนวน 2.6 ล้านดอลล่าร์ ถูกจ่ายเป็นค่าจ่ายชดเชยให้พนักงาน 1,000 คนที่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม การจัดหางานเกินจริงในปี 2016
  • นักเรียนในโครงการ Supplier Employee Education and Development (SEED) นับตั้งแต่เริ่มโครงการ (ปี 2008) มีจำนวนมากกว่า 2.1 ล้านคน
  • มีขยะมากกว่า 200,000 ตันที่ไม่ต้องส่งไปยังพื้นที่ฝังกลบในปี 2016
  • สามารถประหยัดน้ำได้มากถึง 3,800 ล้านแกลอน
  • Apple ได้อันดับ 1 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันจาก Corporate Information Transparency Index (CITI)

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลสรุปขั้นต้นเกี่ยวกับความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์ ซึ่งสื่อให้เราเห็นว่าทาง Apple เองใส่ใจกับซัพพลายเออร์หรือผู้ผลิตมากพอสมควร โดยเป็นการเน้นมาตรฐานในการปฏิบัติงานและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

ดูรายละเอียด – ความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์

The post Apple รายงานความก้าวหน้าความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์ประจำปี 2017 appeared first on iPhoneMod.

สมัคร Apple ID ฟรี บน iPhone, iPad โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

$
0
0

นอกจากวิธีสมัคร Apple ID, iTunes account ฟรีไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ที่ผมเคยแนะนำไปแล้ววันนี้มีอีก 1 วิธีสำหรับการ สมัคร Apple ID ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องทำผ่าน iTunes และสามารถสมัครได้ฟรีเช่นกันแถมวิธีการไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด พร้อมแล้วไปชมกัน

1. สมัคร Apple ID ผ่าน iPhone iPad

ขั้นที่ 1 เปิดแอพ App Store
ขั้นที่ 2 เลือกแอปฟรีตัวไหนก็ได้ หรือกดที่นี่เพื่อโหลดแอป LINE ฟรี
ขั้นที่ 3 แตะปุ่ม รับ ตามด้วย ติดตั้ง บน iOS ที่อยู่ข้างรายการ แล้วแตะอีกครั้งเพื่อดาวน์โหลดรายการนั้น

ขั้นที่ 4 เมื่อระบบขอให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple ID ให้แตะ สร้าง Apple ID ใหม่ แล้วเลือกประเทศไทย

เลือก ยินยอม แล้วกรอกข้อมูลให้ครบ ระวังช่อง ปี ให้ใส่ คศ. เกิด

ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ เมื่อระบบขอให้ป้อนข้อมูลการชำระเงิน ให้เลือก “ไม่มี” (None) เพื่อไม่ต้องกรอกบัตรเครดิต แล้วกดถัดไปที่หน้าต่อไป

กรอกข้อมูลจริงให้ครบทุกช่อง

 

หลังจากที่ป้อนข้อมูลแล้ว ระบบจะขอให้คุณยืนยัน Apple ID ทางอีเมล คุณต้องยืนยัน Apple ID ของคุณก่อนจึงจะสามารถใช้งาน Apple ID ได้

หลังจากยืนยันด้วยการกรอกอีเมล Apple ID และรหัสผ่านที่เพิ่งสมัครเรียบร้อย

ก็จะสามารถดาวน์โหลดแอปจาก App Store ได้เป็นที่เรียบร้อยครับ

2. สมัคร Apple ID ฟรีผ่านเว็บเบราว์เซอร์ทำอย่างไร?

ใช้ได้ทั้ง Safari, Google Chrome, Internet Explorer, Firefox และเว็บเบราว์เซอร์อื่นๆ

ขั้นที่ 1 เข้าไปที่เว็บ https://appleid.apple.com เลื่อนลงล่างสุดแล้วเลือก สร้าง Apple ID ของคุณ

apple-id-01

ขั้นที่ 2 กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน(กรอกเป็นภาษาอังกฤษ) เมื่อครบแล้วให้กด ดำเนินการต่อ ที่ด้านล่าง

apple-id-02

ขั้นที่ 3 ทาง Apple จะส่งอีเมลพร้อมรหัส 6 ตัวเพื่อยืนยันตัวตอน ให้นำตัวเลขเหล่านั้นมากรอกให้เรียบร้อยแล้วกด Verify

apple-id-03

เพียงเท่านี้การสมัคร Apple ID  ก็เสร็จแล้วเรียบแล้วกว่า 80%

ขั้นที่ 4 เปิด App Store ที่ iPhone, iPad จากนั้นล็อกอินด้วย Apple ID ที่เพิ่งสมัครในด้านบนแล้วระบบจะให้ยืนยันอีกรอบโดยการกรอกข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยได้แก่

  • คำนำหน้าชื่อ (ต้องเลือก) เช่น นาย นาง นางสาว, Mr. Mrs. Miss
  • ที่อยู่ แนะนำว่าให้ใส่ให้ถูกต้องตามจริงโดยกรอกเป็นภาษาอังกฤษ
  • เลือกการชำระเงินสามารถเลือกเป็น None (ไม่มี) เพื่อไม่ต้องกรอกบัตรเครดิต

เมื่อกรอกครบแล้วก็พร้อมสำหรับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่างๆ จาก App Store ได้แล้ว ทั้งนี้สามารถนำ Apple ID ไปล็อกอินเข้าใช้งาน iCloud  (ไปที่ Settings> iCloud) เพื่อจะได้ใช้ฟีเจอร์อย่างการสำรองรายชื่อ, สำรองโน็ต, ค้นหา iPhone ของฉันและรับเนื้อที่เก็บไฟล์ฟรี 5GB  (ถ้าไม่ล็อกอินเข้า iCloud บน iPhone, iPad จะได้เนื้อที่ iCloud เพียง 1 GB)

เกร็ดความรู้

Apple ID สามารถใช้กับ App Store, iTunes Store, Mac App Store และใช้บริการอื่นๆ กับทาง Apple ได้หมด นั่นคือ ID เดียวสามารถทำได้ทุกอย่างนั่นเอง

วิธีการนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสมัคร Apple ID โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง iTunes ลงคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลาและเหมาะสำหรับการช่วยสมัคร Apple ID ให้คนอื่นโดยไม่ต้องล็อกเอ้า Apple ID บน iTunes ของเรานั่นเอง

บทความโดย iPhoneMod.net

The post สมัคร Apple ID ฟรี บน iPhone, iPad โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต appeared first on iPhoneMod.

ฟีเจอร์ใหม่บนแอป Facebook ที่น่าสนใจในช่วงนี้

$
0
0

ช่วงนี้ Facebook ปล่อยอัปเดตแอปมาค่อนข้างบ่อย โดยมีคุณสมบัติต่างๆที่น่าสนใจมากมายทั้งบนแอปและบนเว็บ มีอะไรน่าสนใจบ้างไปชมกันเลย

ฟีเจอร์ใหม่บนแอป Facebook ที่น่าสนใจในช่วงนี้

โพสต์ข้อความพร้อมพื้นหลังสีต่างๆ

คุณสมบัตินี้มีมานานแล้วในระบบ Android แต่ใน iOS ถูกเปิดให้ใช้งานกันเมื่อไม่นานมานี้ คุณสมบัติดังกล่าวจะช่วยให้การโพสต์ข้อความได้น่าสนใจมากขึ้น สามารถเลือกสีพื้นหลังให้กับข้อความที่จะโพสต์ได้

Facebook Story

สำหรับ Facebook Story เป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้การแชร์ต่างๆ มีความสนุกมากขึ้น ผู้ใช้สามารถถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอ พร้อมตกแต่งด้วยฟิลเตอร์เอฟเฟกซ์ต่างๆ เพื่อส่งให้กับเพื่อนๆ ที่ต้องการให้ดูได้

รายละเอียด Facebook Story เพิ่มเติม

ดูวิดีโอผ่านจอเล็ก

หากใครที่ชอบดู Live หรือดูวิดีโอพร้อมเลื่อนดูโพสต์ไปด้วย คุณสมบัตินี้ Facebook ช่วยให้เราสามารถย่อหน้าจอวิดีโอให้มีขนาดเล็กลงและเก็บไว้ที่มุมขวาของหน้าจอได้ ข้อดีคือเราสามารถเปิดวิดีโอทิ้งไว้ได้โดยไม่ต้องปิด และหากต้องการดูเต็มจอก็แตะที่วิดีโอได้เลย

คุณสมบัตินี้ทีมงานเคยใช้ได้บนเว็บเครื่อง Desktop, PC แต่ตอนนี้ถูกถอดออกไปแล้ว คาดว่าในอนาคตน่าจะมีการอัปเดตอยู่

ซูมรูปภาพได้ (Desktop, PC)

สำหรับคนที่ชอบซูมภาพเพื่อดูรายละเอียด แต่ไม่สามารถทำได้บนเว็บเครื่อง Desktop, PC ตอนนี้สามารถทำได้แล้ว โดยการคลิ๊กรูปภาพที่ต้องการดู > คลิ๊กไอคอนแว่นขยาย

นอกจากนั้นยังสามารถคลิ๊กที่ “เข้าสู่เต็มหน้าจอ” เพื่อดูรูปภาพแบบเต็มหน้าจอ หากมีหลายภาพสามารถเลื่อนซ้าย-ขวา ดูรูปแบบสไลด์ได้

แชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Share Live Location) แบบสดๆ บน Facebook Messenger

ผู้ใช้สามารถส่งพิกัดระบุตำแหน่งของเราให้เพื่อนๆ ในแชทแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่มได้เห็นทันที แม้เราเดินทางอยู่ตำแหน่งนั้นจะเคลื่อนที่ตามไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะปิด

รายละเอียด Share Live Location เพิ่มเติม

กด Dislike (ไม่ชอบ) ใน Facebook Messenger

ระหว่างการสนนาในแอป Facebook Messenger เราสามารถกดไอคอนสื่ออารมณ์ Dislike (ไม่ชอบ) ที่ข้อความได้แล้ว โดยตอนนี้สามารถใช้งานได้ทั้ง Desktop, PC และแอป Messenger บนมือถือ

ทำไมของเรายังไม่ขึ้น

หากฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ของใครยังไม่ขึ้นให้ใช้งานไม่ต้องตกใจไป เนื่องจาก Facebook มีแนวคิดการปล่อยอัปเดตคุณสมบัติใหม่ให้กับผู้ใช้ทีละกลุ่ม ทางทีมงานแนะนำว่าให้ผู้ใช้ทำการอัปเดตแอป Facebook ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อความปลอดภัยและมีโอกาสได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ (หากเป็นกลุ่มได้อัปเดต)

สามารถดาวน์โหลดและอัปเดตแอป Facebook เป็นเวอร์ชันล่าสุดได้ที่ App Store

หากติดตั้งหรืออัปเดตแล้วแนะนำให้ปิดแอป Facebook แล้วเปิดใหม่ (ผ่าน Multitsking หรือการ Reset เครื่องก็ได้) และถ้าใครพบเจอฟีเจอร์ใหม่ๆนอกจากนี้ สามารถแสดงความเห็น เพื่อแบ่งปันกันได้เลย

The post ฟีเจอร์ใหม่บนแอป Facebook ที่น่าสนใจในช่วงนี้ appeared first on iPhoneMod.

ดูหนัง ROUGE ONE ฟรี! บนแอป True ID ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

$
0
0

ทรูมูฟ เอช จัดให้!! ดูหนัง ROGUE ONE : a Star Wars Story ก่อนแอปไหนๆ Play ได้ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ดูเลยที่แอพ TrueID !!

ดูหนัง ROUGE ONE ฟรี! บนแอป True ID ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

โปรโมชั่นดีๆ นำมาฝากกันครับสำหรับลูกค้า TrueMove H หากยังไม่มี TrueID สามารถสมัครได้ที่นี่ จากนั้นสามารถเข้าดูหนังเรื่องนี้ได้ฟรีทันทีครับ

ที่มา TrueMove H FB

 

The post ดูหนัง ROUGE ONE ฟรี! บนแอป True ID ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม appeared first on iPhoneMod.

บริษัทยาและสุขภาพร่วมกันพัฒนาแอปฯ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าใช้บน Apple Watch

$
0
0

moodhacker2

คงไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่เคยเศร้า อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตน่าจะเคยผิดหวังกันมาบ้างล่ะ ไม่ว่าจะเศร้าเพราะตกงาน อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน หรือสาเหตุอะไรก็ตาม ซึ่งความเศร้าที่เกิดขึ้นมานั้น หากปล่อยให้ครอบงำจิตใจนานเกินไปอาจทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้.. โดยไม่รู้ตัว

โรคนี้เป็นโรคทางจิตเวชที่มีผู้เป็นจำนวนไม่น้อย แต่ยังมีผู้รู้จักโรคนี้ไม่มากนัก บางคนเป็นโดยที่ตัวเองไม่ทราบ คิดว่าเป็นเพราะคิดมากไปเองก็มี ทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และทันท่วงที ดังนั้น ก่อนที่เราจะมาเรียนรู้ประโยชน์ของแอปพลิเคชันนี้ ทีมงานขออธิบายความหมายของโรคซึมเศร้าให้เพื่อนๆ แฟนเพจบางคนที่อาจไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้มาก่อน หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง ให้ทราบไปพร้อมๆกันเลยนะคะ

โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder หรือ MDD) คืออะไร?

จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความหมายของโรคซึมเศร้าไว้ดังนี้

เป็นความผิดปกติของสมอง ที่มีผลกระทบต่อความนึกคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรมและสุขภาพกาย แต่คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าโรคซึมเศร้า เป็นผลมาจากความผิดปกติของจิตใจ สามารถแก้ไขให้หายได้ด้วยตนเอง ในความจริงแล้ว โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาท 3 ชนิด คือ ซีโรโตนิน นอร์เอปิเนฟริน และโดปามีน

moodhacker1

รู้ได้อย่างไร ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า?

โรคซึมเศร้า จะมีอาการเด่นชัด 2 ประการ นั่นคือ

1. หมดความสนใจในกิจกรรมประจำวัน ไม่ยินดียินร้ายกับกิจกรรมที่เคยทำอย่างสนุกสนาน
2. มีอารมณ์เซ็ง เศร้าซึม รู้สึกเศร้า หมดที่พึ่ง หมดหวังและร้องไห้อย่างมากมาย หรือมีอาการดังกล่าวนี้ร่วมด้วยทุกวันหรือแทบทุกวันอย่างน้อย 2 สัปดาห์

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน เช่น นอนมากเกินไป หรือ นอนไม่หลับ
  • น้ำหนักลดหรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5 ของน้ำหนักตัว
  • หงุดหงิด โมโหง่าย ขี้รำคาญหรือทำอะไรเชื่องช้าลง
  • อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีพลังในการทำงาน
  • ไม่มั่นใจในตัวเอง
  • คิดถึงแต่เรื่องตาย
  • ขาดสมาธิในการคิดจนตัดสินใจอะไรไม่ได้ หรือมีปัญหาเรื่องความจำ
  • สูญเสียความรู้สึกทางเพศทั้งๆ ที่เคยทำได้ดีมาก่อน

บริษัทยาและสุขภาพร่วมกันพัฒนาแอปฯ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าใช้บน Apple Watch

จากข้อมูลทางสถิติพบว่าปัจจุบันมีผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากถึง 350 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก ทาง Takeda Pharmaceuticals และ Cambridge Cognition จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวและร่วมกันศึกษาเพื่อพัฒนาแอปฯ บน Apple watch สำหรับประเมินและติดตามภาวะซึมเศร้าขึ้นโดยอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท CANTAB Mobile

Jenny Barnett, Ph.D., Cognition Kit ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดในการพัฒนาแอปฯ นี้ไว้ว่า..

“พวกเราตั้งใจพัฒนาแอปฯนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยีศึกษาเกี่ยวกับประสาทวิทยาศาสตร์ (neuroscience)ซึ่งจะช่วยประเมินสภาวะจิตใจที่เป็นตัวบ่งบอกภาวะการเป็นโรคซึมเศร้าได้แบบ real time และแพทย์เจ้าของไข้ยังสามารถนำข้อมูลที่ได้ มาประกอบการตัดสินใจและประเมินผลการรักษาโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย”

moodhacker3

ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีแอปฯที่เกี่ยวกับการประเมินสภาวะทางอารมณ์ออกมาให้ลองใช้กันแล้วชื่อว่า “MoodHacker App” แต่มีข้อจำกัดคือใช้ได้เฉพาะบน iPhone, iPod touch และ iPad เท่านั้น ดังนั้น หากใครอยากลองเล่นบน Apple Watch ต้องอดใจรอก่อนนะคะ ถ้า Takeda Pharmaceuticals และ Cambridge Cognition พัฒนาแอปฯ เสร็จเมื่อไหร่ ทางทีมงานจะนำมาเล่าสู่แฟนเพจฟัง.. อย่างแน่นอนค่ะ

สุดท้ายอยากฝากไว้ว่า

การเสพติดที่ร้ายแรงไม่ต่างจากยาเสพติด นั่นคือ เสพติดความเศร้า

ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงาน iPhoneMod 🙂

แหล่งข้อมูล : iMedical Apps

The post บริษัทยาและสุขภาพร่วมกันพัฒนาแอปฯ เพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าใช้บน Apple Watch appeared first on iPhoneMod.

iPhone ปี 2017 อาจใช้จอภาพแบบ True Tone Displays

$
0
0

ล่าสุดมีรายงานว่า iPhone ปี 2017 มีโอกาสที่จะใช้จอภาพแบบ True Tone Displays เหมือนกับที่ iPad Pro 9.7 นิ้วใช้อยู่

จอภาพ True Tone Displays ใน iPhone ปี 2017

Barclays บริษัทด้านการลงทุนเผยผลวิจัยว่า iPhone ปี 2017 ที่คาดว่าจะมี 3 รุ่น คือ iPhone 7s, iPhone 7s Plus และ iPhone 8 (iPhone Edition) มีโอกาสที่จะใช้จอภาพที่มีเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างรอบด้าน หรือที่เรียกว่า True Tone Displays เหมือนกับที่ iPad Pro 9.7 นิ้วใช้อยู่

สำหรับจอภาพแบบ True Tone Displays ที่ iPad Pro 9.7 นิ้วใช้อยู่นั้นมีเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างรอบข้างแบบ 4 ช่องสัญญาณ เพื่อปรับสีและความสว่างของจอภาพให้ตรงกับสภาพแสงโดยรอบได้อย่างอัตโนมัติ ข้อดีคือเราสามารถดูจอภาพได้เป็นธรรมชาติและสบายตายิ่งขึ้นและการแสดงผลของสีมีความสมจริงมากกว่าเดิม

สื่อต่างประเทศคาดเดาว่า Apple จะใส่เทคโนโลยี True Tone Displays ให้กับ iPhone ปี 2017 ทั้ง 3 รุ่นรวมไปถึง iPad Pro รุ่นใหม่ 10.5 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว ก็จะได้อัปเดตคุณสมบัตินี้เช่นเดียวกัน

ขอบคุณ – iclarified

The post iPhone ปี 2017 อาจใช้จอภาพแบบ True Tone Displays appeared first on iPhoneMod.


Apple เปิดขาย iPad 9.7-inch (ไอแพด 9.7 นิ้ว) 2017 แล้ว ราคาเริ่มต้น 12,500 บาท

$
0
0

iPad 9.7″ หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมาและปล่อยให้ iPhone 7 (PRODUCT) RED และ iPhone SE ขายไปก่อนนั้น ความคืบหน้าล่าสุด iPad รุ่นนี้สามารถสั่งซื้อได้ที่ Apple Store Online เป็นที่เรียบร้อยครับโดยรุ่นเริ่มต้นราคาเพียง 12,500 บาทเท่านั้น

Apple เปิดขาย iPad 9.7″ (ไอแพด 9.7″) 2017 แล้ว ราคาเริ่มต้น 12,500 บาท

ราคา iPad 9.7″ รุ่นปี 2017 ทุกรุ่น

  • รุ่น Wi-Fi: 32GB – 12,500 บาท
  • รุ่น Wi-Fi: 128GB – 15,900 บาท
  • รุ่น Wi‑Fi + Cellular: 32GB – 17,500 บาท
  • รุ่น Wi‑Fi + Cellular:  128GB – 20,900 บาท

คุณสมบัติของ iPad 9.7

  • สี : เงิน ทอง เทาสเปซเกรย์
  • ความจุ : 32GB และ 128GB
  • ตัวเครื่อง : ขนาด 9.40 นิ้ว X 6.60 นิ้ว
  • หน้าจอ : จอภาพ Retina HD ขนาด 9.7 นิ้ว (แนวทะแยง), ความละเอียด 2048 x 1536 (264 ppi)
  • ชิปประมวลผล : A9 (64-bit) และ โปรเซสเซอร์ร่วม M9
  • หน่วยความจำ : RAM N/A GB
  • กล้อง : กล้องหน้าความละเอียด 1.2MP,  กล้องหลังความละเอียด 8MP, ถ่ายวิดีโอ 1080P
  • ระบบปฏิบัติการ :  iOS 10
  • แบตเตอรี่ : 10 ชั่วโมง
  • การเชื่อมต่อ : Lightning
  • WiFi: เร็วสุด 866Mbps
  • LTE: เร็วสุด 150Mbps
  • Touch ID

ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้แล้วที่ Apple Store Online

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจเกี่ยวกับ iPad 9.7

 

The post Apple เปิดขาย iPad 9.7-inch (ไอแพด 9.7 นิ้ว) 2017 แล้ว ราคาเริ่มต้น 12,500 บาท appeared first on iPhoneMod.

ระบบสแกนใบหน้าใน Galaxy S8 ถูกปลดล็อคได้โดยใช้รูปภาพ แทนใบหน้าคนจริง

$
0
0

Samsung Galaxy S8 / S8+ เปิดตัวไปแล้วพร้อมกับคุณสมบัติการระบุตัวตนอย่างระบบสแกนใบหน้า ล่าสุดสื่อต่างประเทศรายหนึ่งเผยว่า ระบบสแกนใบหน้าใน Galaxy S8 ถูกปลดล็อคได้โดยใช้รูปภาพ จาก Smartphone อีกเครื่อง

ระบบสแกนใบหน้า (Facial Recognition)

สื่อต่างประเทศ iDeviceHelp ได้เผยคลิปวิดีโอของ MARCIANOTECH เผยให้เห็นการทดสอบระบบสแกนใบหน้า (Facial Recognition) ของ Galaxy S8 โดยการนำรูปภาพใบหน้าคนที่อยู่ใน Smartphone อีกเครื่องทดสอบระบบสแกนใบหน้าแทนการใช้ใบหน้าคนจริง

ช่องโหว่ระบบสแกนใบหน้าของ Galaxy S8

ผลปรากฏว่า สามารถใช้รูปภาพใบหน้าคนบน Smartphone ทำการปลดล็อค (Unlock) เครื่องผ่านระบบสแกนใบหน้าของ Galaxy S8 ได้ โดยไม่ต้องใช้ใบหน้าคนจริง ซึ่ง iDeviceHelp เผยว่า Software ของระบบสแกนใบหน้ายังไม่สมบูรณ์ และ Samsung น่าจะออกอัปเดตแก้ไขในเร็วๆนี้

สำหรับ Galaxy S8 / S8+ เปิดตัววันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา คุณสมบัติที่น่าสนใจนอกจากจะเป็น Smartphone ที่มีพื้นหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 5.8 นิ้วและ 6.2 นิ้วแล้ว ฟังก์ชันการระบุตัวตนก็มีครบด้านอย่างเช่น ระบบสแกนลายนิ้วมือ, สแกนใบหน้าและสแกนม่านตา ส่วนช่องโหว่ที่เกิดขึ้นคาดว่า Samsung น่าจะรับทราบและเตรียมแก้ไขปัญหาแล้ว

ชมวิดีโอ

The post ระบบสแกนใบหน้าใน Galaxy S8 ถูกปลดล็อคได้โดยใช้รูปภาพ แทนใบหน้าคนจริง appeared first on iPhoneMod.

สาย Jailbreak เตรียมตัว Springtomize 4 สำหรับ iOS 10 เตรียมปล่อยให้ใช้งานเร็วๆนี้

$
0
0

สาย Jailbreak ต้องติดตามข่าวให้ดีเมื่อล่าสุดมีรายงานว่า Springtomize 4 สำหรับ iOS 10 เตรียมปล่อยให้ใช้งานเร็วๆนี้

Springtomize 4

Filippo Bigarella ได้โพสต์อัปเดตผ่าน Twitter เกี่ยวกับความคืบหน้า Tweak สำหรับสาย Jailbreak ชื่อ Springtomize 4 ที่ช่วยให้สามารถปรับแต่ง iOS 10 ว่าจะปล่อยให้ใช้งานเร็วๆนี้ (อีกไม่กี่วัน)

รายละเอียดที่ Filippo Bigarella โพสต์ผ่าน Twitter พูดถึงคุณสมบัติของ Springtomize 4 ว่า ช่วยให้ปรับแต่งอุปกรณ์ได้มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สำหรับ Tweak Springtomize 3 เคยเปิดให้สาย Jailbreak ใช้งานกันเมื่อตอน iOS 7 โดยตอนนั้น Springtomize 3 มีทั้งแบบฟรีและแบบจ่ายเงิน คุณสมบัติหลักของ Tweak นี้คือสามารถปรับแต่ง iOS ได้ เช่น ซ่อนชื่อแอป, ซ่อนพื้นหลัง, เปลี่ยนรูปแบบการสไลท์, เปลี่ยนฟอนต์, เปลี่ยนไอคอน และอื่นๆอีกมากมาย

หากมีข้อมูลอัปเดตทีมงานจะรายงานและแจ้งให้ทราบเป็นระยะ สาย Jailbreak ต้องติดตามกันให้ดี

ที่มา – iclarified

The post สาย Jailbreak เตรียมตัว Springtomize 4 สำหรับ iOS 10 เตรียมปล่อยให้ใช้งานเร็วๆนี้ appeared first on iPhoneMod.

เพิ่ม FUP 1Mbps สำหรับลูกค้ารายเดือน TrueMove H

$
0
0

เน็ตหมด! คงจะเป็นอะไรที่สุดแสนจะทรมานมากๆ อันนี้เข้าใจดีครับเพราะจากเดิมที่ใช้ 4G ความเร็วเต็มสปีดจะกดดูอะไรก็ลื่น…. แต่พอหมดโควต้าเน็ตเท่านั้นแหละ “อืด” ยังกับเต่าเรียกพี่ วันนี้มีข่าวดีสำหรับลูกค้ารายเดือน TrueMove H ที่สามารถเพิ่ม FUP ให้เป็น 1Mbps ได้แล้วด้วยวิธีการนี้ครับ

เพิ่ม FUP 1Mbps ลูกค้ารายเดือน TrueMove H

  • ติดตั้งแอป H Pack จาก App Store
  • เลือก ดูแพ็กเกจเพิ่มเติม
  • ดูทั้งหมด
  • เลือก เพิ่มความเร็ว FUP 1
  • ซื้อเลย

รายละเอียดของแพ็กเกจเสริม FUP 1

ลูกค้ารายเดือนของ TrueMove H ที่เน็ตหมดโควต้า(ที่วิ่งเต็มสปีด) จากปกติจะติด FUP ความเร็วที่ 384Kbps สามารถซื้อแพ็กเกจเสริมนี้เข้าไปจะทำให้ FUP เพิ่มมาเป็น 1Mbps เล่นเน็ต 4G/3G/2G ได้อย่างต่อเนื่องความอัปโหลดและดาวน์โหลดอยู่ที่ 1Mbps ครับ ราคาเพียง 150 บาทเท่านั้น

เหมาะสำหรับหรับผู้ที่ใช้รายเดือนโปรเน็ตน้อยๆ ให้สามารถเล่นเน็ตได้ลื่นอีกครั้งจนครบรอบบิล

ลูกค้าเติมเงินมีแบบนี้ไหม?

มีครับ ดูรายละเอียดได้ที่ เล่นเน็ตไม่อั้นทรู ไม่ลดสปีด เร็วสุด 4Mbps สมัครได้แล้ว อัปเดต 22 มีนาฯ 60 มีให้เลือก 1Mbps และ 4Mbps ครับ แนะนำถ้าใครใช้เยอะๆ ต้องการความเร็วก็เลือก 4Mpbs นะครับ

ขอบคุณ คุณแพน

The post เพิ่ม FUP 1Mbps สำหรับลูกค้ารายเดือน TrueMove H appeared first on iPhoneMod.

Geekbench 4 แอปพลิเคชันประสิทธิภาพของเครื่อง iPhone โหลดฟรีจำกัดเวลา

$
0
0

Geekbench 4 แอปพลิเคชันสำหรับวัดคะแนนประสิทธิภาพของเครื่อง iPhone, iPad และ iPod touch เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีวันนี้ รีบโหลดก่อนที่ราคาจะกลับไปเป็นปกติ

geekbench 4 gone free

Geekbench 4.0

พัฒนาโดย Primate Labs และพึ่งอัปเดตเวอร์ชั่น 4.0 ในวันนี้ มีการปรับปรุงหน้าตา UI ใหม่และเพิ่มจำนวนค่าของ Benchmark ที่จะช่วยให้วิธีการทดสอบเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น มีการทดสอบที่แยกกันระหว่าง 64-Bit และ 32-Bit

รายละเอียดเพิ่มเติมของ Geekbench 4 

ดาวน์โหลด Geekbench 4 ได้ที่ App Store

The post Geekbench 4 แอปพลิเคชันประสิทธิภาพของเครื่อง iPhone โหลดฟรีจำกัดเวลา appeared first on iPhoneMod.

Viewing all 24315 articles
Browse latest View live


<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>