Quantcast
Channel: iMoD
Viewing all 24308 articles
Browse latest View live

iOS 10.3 เวอร์ชั่นเต็มมาแล้ว มีอะไรใหม่บ้าง ควรอัปไหม อัปเดตต้องทำอย่างไร?

$
0
0

Apple ปล่อย iOS 10.3 ให้อัปเดตอย่างเป็นทางการแล้ว รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของเวอร์ชันนี้เป็นอย่างไร เราจะอัปเดตดีไหม? ถ้าอยาอัปเดตจะทำอย่างไรบ้าง สามารถอ่านได้จากบทความนี้เลยครับ

1. iOS 10.3 มีอะไรใหม่?

iOS 10.3 เวอร์ชันเต็มมาพร้อม Build หมายเลข 14E277

รายละเอียดการอัปเดตดังนี้

ios 10.3-what-news-1 ios 10.3-what-news-2 ios 10.3-what-news-3

ปรับเปลี่ยนรูปแบบคีย์บอร์ด

iDeviceHelp สังเกตุว่ารูปแบบของคีย์บอร์ดมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยโดยใน iOS 10.3 Developer Beta 1 จะมีการปรับรูปแบบของปุ่มคีย์บอร์ดเล็กน้อย และพื้นหลังเข้มกว่าคีย์บอร์ดของ iOS 10.2.1

รูปแบบการวางไอคอน Emoji ก็มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเล็กน้อยเช่นกัน

การตั้งค่า Apple ID แบบใหม่

ถือว่าเป็นจุดเด่นหลักๆ ของ iOS 10.3 ตัดเมนู iCloud ออกไปจากส่วนของเมนูย่อย แต่ว่านำมาแสดงเป็นเมนูหลัก (ประดุจเหมือน Facebook Profile ยังไงยังงั้น) ฉะนั้นเราจะเห็น iCloud (Apple ID หลัก) อยู่ด้านบนสุดในหน้า Settings เลย

ios 10.3 settings

เมื่อแตะเข้าไปจะพบส่วนของการตั้งค่ามากมายไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่า Apple ID การดู iCloud Storage ปุ่มเปิด-ปิด iCloud Drive และอื่นๆ

ค้นหา AirPods

คุณสมบัติใหม่ที่สามารถให้ผู้ใช้ค้นหาหูฟัง AirPods โดยการส่งเสียงได้เหมือนกับ Find My iPhone วิธีการใช้งาน Find My AirPods นั้นง่ายๆ เพียงเข้าแอป Find My iPhone เพื่อทำการค้นหา iPhone แบบปกติครับ

หลังเข้าระบบค้นหา iPhone แล้ว เราจะเห็น AirPods  อยู่ในรายการอุปกรณ์ของเรา สามารถสั่งค้นหา AirPods นั้นๆ ได้เลย ซึ่งข้อจำกัดของการค้นหาก็คือตัว AirPods ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์นั้นๆ ด้วย

Siri Kit ใหม่

เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาในการทำให้ Siri สามารถสั่งชำระบิล ตรวจสอบสถานะบิลได้ นักพัฒนาจะได้ประโยชน์จาก Kit ตัวนี้ครับ

แผนที่

ในแอปแผนที่จะมีไอคอนของการบอกสภาพอากาศ ผู้ใช้งาน iPhone  ที่รองรับ 3D Touch สามารถกดที่ไอคอนดังกล่าวเพื่อดูพยากรณ์อากาศของสถานที่ดังกล่าวของวันนั้นๆ ได้

CarPlay

ส่วนที่เพิ่มเติมมาที่เห็นชัดๆ คือสามารถสลับใช้งานแอปได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกดออกไปที่หน้าหลักของ CarPlay และอีกส่วนคือสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV – Electric Vehicle) จะถูกแสดงอยู่บน Maps เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า(ในต่างประเทศ) สามารถค้นหาสถานีเติมไฟได้ง่ายขึ้น

2. อัปเดตดีหรือไม่?

หลังจากที่ใช้งานมาตั้งแต่ iOS 10.3 Beta 1 พบว่าระบบนั้นดีกว่ารุ่นก่อนหน้า คุ้มค่าในการอัปเดตครับสามารถทำได้เลย

3. อยากเจลเบรคควรอัปเดตไหม?

ไม่ควรอัปเดตครับ ให้ชะลอไว้ที่ iOS 10.2 หรือ 10.2.1 เสียก่อนเพื่อรอดูท่าที่ว่าจะมีเครื่องมือสำหรับการเจลเบรคออกมาใหม่หรือไม่

4. วิธีอัปเดต iOS 10.3

ios-ota-update

มีวิธีการอัปเดตด้วยทั้งหมด 4 วิธี คลิกแต่ละลิงก์ไปอ่านวิธีการได้เลยนะครับ

5. เครื่องรุ่นไหนอัปเดต iOS 10.3 ได้บ้าง?

อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 10.3 ได้แก่

  • iPhone 7
  • iPhone 7 Plus
  • iPhone SE, 5s
  • iPhone 6s, iPhone 6
  • iPhone 6s Plus, iPhone 6 Plus
  • iPhone 5c, iPhone 5
  • iPad 9.7-inch
  • iPad Pro 9.7-inch
  • iPad Pro 12.9-inch
  • iPad mini 4, iPad Air 2, iPad mini 3
  • iPad Air, iPad mini 2
  • iPad (4th generation Model)
  • iPod touch (6th generation)

6. หลังอัปเดต iOS 10.3 แล้วแนะนำให้ชม

The post iOS 10.3 เวอร์ชั่นเต็มมาแล้ว มีอะไรใหม่บ้าง ควรอัปไหม อัปเดตต้องทำอย่างไร? appeared first on iPhoneMod.


ดาวน์โหลด iOS 10.3 IPSW เวอร์ชันสมบูรณ์ ลิงก์ตรงโหลดแรงจาก Apple

$
0
0

Apple ปล่อย iOS 10.3 ให้อัปเดตกันอย่างเป็นทางการแล้ว รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงใน iOS 10.3 และวิธีการอัปเดต สามารถติดตามอ่านได้ที่ข่าวก่อนหน้านี้ ส่วนที่หน้าเว็บนี้จะรวมเอาไฟล์เฟิร์มแวร์ IPSW ของเวอร์ชันนี้มาให้ดาวน์โหลดไปใช้งาน เผื่อใครจำเป็นต้องใช้นะครับ  แนะนำให้ใช้ตัวช่วยดาวน์โหลดอย่าง Flashget, IDM หรือ Downthemall ในการช่วยโหลดนะครับ

ดาวน์โหลด iOS 10.3 IPSW เวอร์ชันสมบูรณ์ ลิงก์ตรงโหลดแรงจาก Apple

วิธีการนำ iOS 10.3 IPSW ไปใช้งาน

หลังได้ไฟล์ .ipsw ไปใช้ให้เปิด iTunes พร้อมเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ต้องการจะรีสโตร์(ล้างเครื่อง) หรือใช้ร่วมกับโปรแกรม 3uTools ในการอัปเดตก็ได้เช่นกัน

นำไปใช้กับ iTunes (แนะนำว่าให้อัปเดต iTunes รุ่นล่าสุดจาก iTunes.com)

ทำการ Update (ข้อมูลไม่หาย)

  • เครื่อง PC Windows ให้กดปุ่ม Shift ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Check for Update ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป
  • เครื่อง Mac ให้กดปุ่ม Option ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Check for update ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป

ทำการ Restore (ข้อมูลหาย)

  • เครื่อง PC Windows ให้กดปุ่ม Shift ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Restore ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป
  • เครื่อง Mac ให้กดปุ่ม Option ที่คีบอร์ดค้างไว้ จากนั้นกดปุ่ม Restore ที่ iTunes แล้วเลือกไฟล์ IPSW ที่ดาวน์โหลดไป

โหลดเฟิร์มแวร์ต้องเลือกตัวไหน?

ใน iOS 10 เปลี่ยนแปลงระบบการดาวน์โหลด IPSW แบบใหม่โดยไม่ต้องเลือก Model อีกแล้ว สามารถดาวน์โหลดได้ตามรุ่นเลย เช่น iPhone 5s ไม่ว่าจะซื้อจากประเทศไหน Model หลังเครื่องจะเป็น Axxxx  ตัวไหนก็ IPSW ตัวเดียวกันหมดครับ ถือว่าสะดวกขึ้น

นี่คือไฟล์ IPSW ของ iOS 10.3 เลือกดาวน์โหลดลงคอมพิวเตอร์ได้ตามสะดวกเลยครับ

iPhone

iPad

iPod touch

การดาวน์โหลดไฟล์ที่ถูกต้องนั้นจะต้องได้ไฟล์นามสกลุ .ipsw เท่านั้น (หากใครดาวน์โหลดมาแล้วได้ไฟล์เป็น .zip ไม่ต้องแตกไฟนะครับ เพียงเปลี่ยนนามสกุลจาก .zip ให้เป็น .ipsw เท่านั้นพอ) นะครับ จากนั้นจึงนะไป Shift+Restore ผ่าน iTunes (หากเครื่องแมคให้กด option+Restore)

หลังจากรีสโตรเสร็จสามารถชม

The post ดาวน์โหลด iOS 10.3 IPSW เวอร์ชันสมบูรณ์ ลิงก์ตรงโหลดแรงจาก Apple appeared first on iPhoneMod.

Apple ปล่อย macOS 10.12.4 เวอร์ชั่นเต็มให้อัปเดตแล้ว

$
0
0

Apple ปล่อย macOS 10.12.4 ให้อัปเดตเวอร์ชั่นเต็มเป็นที่เรียบร้อยบแล้วผู้ใช้งานสามารอัปเดตได้ผ่าน Mac App Store รายละเอียดการเปลี่ยแปลงหลักๆ ในเวอร์ชั่นนี้มีดังนี้

การเปลี่ยนแปลงใน macOS 10.12.4

macos 10.12.4 details

  • เพิ่มโหมด Night Shift สำหรับปรับอุณภูมิของหน้าจอให้เหลืองนวลขึ้น เหมาะสมหรับใช้งานในเวลากลางคืน โหมดนี้สามารถใช้ได้บนเครื่อง Mac และจอที่ต่อพ่วง
  • Siri รองรับการรายงานผลกีฬา Cricket
  • พจนานุกรมรองรับภาษาจีนเซี่ยงไฮ้
  • แก้ไขบัคของการเปิดไฟล์ PDF ในแอป Preview
  • ปรับปรุงคุณภาพในแอป Mail

ดาวน์โหลด macOS 10.12.4 ได้ฟรีที่ Mac App Store

The post Apple ปล่อย macOS 10.12.4 เวอร์ชั่นเต็มให้อัปเดตแล้ว appeared first on iPhoneMod.

Apple ปล่อย watchOS 3.2 เวอร์ชั่นเต็มให้อัปเดตแล้ว

$
0
0
watchOS 3.2
watchOS 3.2

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับ watchOS 3.2 ที่มาพร้อมกับ macOS 10.12.4 และ iOS 10.3 โดยสำหรับ Apple Watch มีการอัปเดตความสามารถในการเปิดใช้งาน Siri เพื่อเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันอื่น รวมถึงโหมดภาพยนตร์ที่หน้าจอจะไม่สว่างขึ้นเอง (จนกว่าเราจะไปสัมผัส)

การเปลี่ยนแปลงใน watchOS 3.2

Theater Mode

ภูมิใจนำเสนอใน watchOS 3.2 สำหรับโหมดภาพยนตร์ (Theater Mode) เป็นผู้ช่วยที่จะปิดเสียงและการแสดงผลใน Apple Watch ได้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นผู้ใช้ก็ยังได้รับการแจ้งเตือนผ่านการ “สั่น” ซึ่งสามารถเปิดดูได้ (แต่ไม่ควรหากคุณอยู่ในโรงภาพยนตร์) เพียงแค่แตะหน้าจอหรือหมุดเม็ดมะยม (Digital Crown)

SiriKit

watchOS 3.2 ประกอบไปด้วย SiriKit ที่ผู้ใช้สามารถขอให้ Siri ใน Apple Watch ในการจองที่นั่ง, ส่งข้อความ, ชำระเงินหรือขออื่น ๆ ที่แอปฯ ของคุณสามารถจัดการได้โดยทาง Apple ได้อนุญาตรายการดังต่อไปนี้

  • Messaging
  • Payments
  • Ride booking
  • Workouts
  • Calling
  • Searching photos

ดาวน์โหลด watchOS 3.2 ได้ฟรีที่ App Store

The post Apple ปล่อย watchOS 3.2 เวอร์ชั่นเต็มให้อัปเดตแล้ว appeared first on iPhoneMod.

LING วัดที่ดิน-ที่นา ด้วยแอปพลิเคชันพร้อมแปลง ไร่-งาน-วา

$
0
0

หลายคนอาจมีที่ดินหรือต้องการเช่าที่นาเพื่อทำการเกษตร แต่ด้วยขนาดแปลงหลายครั้งที่ไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมพอดี จึงทำให้ยากต่อการรังวัดซึ่งด้วยเทคโนโลยี ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS: Geographic Information System) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และวางแผนเชิงนโยบายได้อย่างง่ายดาย

LING App iPhone
LING App iPhone

LING

สำหรับแอปพลิเคชันนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก เพียงแค่ดึงข้อมูลจาก Google Maps มาวาดรูปและแปลงที่ดินเพื่อคำนวณขนาดและแชร์อย่างง่าย เหมาะกับการ ซื้อ-ขาย, ให้เช่าทำประโยชน์, วัดขนาดเพื่องานด้านเกษตรกรรมและการพัฒนาโครงการ LING จะช่วยให้การทำแผนที่ที่ดินสะดวกขึ้น

LING
LING

แอปพลิเคชันนี้ถึงแม้อาจไม่ได้แม่นยำ 100% เพราะในสถานการณ์จริงอาจมีเรื่องความชันของที่ดินประกอบด้วย แต่มีประโยชน์มากสำหรับคนทำเกษตรกรรม เพราะบางครั้งการจ้างรถไถหรือแรงงานเพื่อทำงานบางอย่าง ผู้รับจ้างกับผู้จ้างอาจมีข้อพิพาทกันในเรื่องของ “ขนาดพื้นที่” ในการทำงาน

  • ดาวน์โหลด : LING [Free]

The post LING วัดที่ดิน-ที่นา ด้วยแอปพลิเคชันพร้อมแปลง ไร่-งาน-วา appeared first on iPhoneMod.

Apple สั่งผลิต iPad Pro 10.5 นิ้ว แบบจำกัดปริมาณแล้ว แต่วันเปิดตัวและวันเปิดขายยังไม่แน่นอน

$
0
0

ล่าสุดมีข่าวว่า Apple สั่งผลิต iPad Pro 10.5 นิ้ว แบบจำกัดปริมาณแล้วในเดือนนี้ ส่วนวันเปิดตัวและวันเปิดขายยังไม่แน่นอน

Apple สั่งผลิต iPad Pro 10.5 นิ้ว แบบจำกัดปริมาณ

สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้วรุ่นใหม่ไม่ถูกเปิดตัวและเปิดขายในช่วงปรับปรุง Apple Store ออนไลน์ในเดือนมีนาคมนี้ ล่าสุด Rhoda Alexander นักวิเคราะห์จาก IHS Markit เผยว่า iPad Pro 10.5 นิ้ว เริ่มผลิตแล้ว แต่ผลิตในจำนวนที่ไม่มาก แต่วันเปิดตัวและวันเปิดขายยังไม่แน่นอนว่าจะเป็นช่วงไหน

iPad Pro 10.5 นิ้ว เปิดตัวช่วงไหน?

การที่ Apple สั่งผลิต iPad Pro 10.5 นิ้ว ในเดือนมีนาคมในปริมาณที่ไม่มากนัก Rhoda Alexander เชื่อว่า Apple อาจจะ เปิดตัว iPad Pro 10.5 นิ้วรุ่นใหม่ในช่วงเดือนเมษายนนี้ (พร้อมกับ Apple Park) และอาจจะเปิดจำหน่าย iPad Pro 10.5 นิ้ว ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม แบบจำกัดปริมาณในสหรัฐอเมริกาหรือในบางประเทศก่อน

นอกจากนั้นผู้ผลิตรายหนึ่งได้เผยกับ MacRumors เช่นกันว่า iPad Pro 10.5 นิ้วรุ่นใหม่ อาจเปิดจำหน่ายในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ซึ่ง Apple อาจจะเลือกเปิดตัว iPad Pro 10.5 นิ้วรุ่นใหม่ก่อนในเดือนเมษายน และเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 2-3 เดือนหลังจากนั้น

ตุลาคมช่วงที่เหมาะแก่การเปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่

แต่ John Grube จากเว็บไซต์ daringfireball วิเคราะห์ว่า การที่ Apple เพิ่มคุณสมบัติใหม่อย่างหน้าจอไร้ขอบ ไม่น่าจะเป็น iPad Pro สำหรับปี 2017 แต่น่าจะเป็นของปี 2018 มากกว่า

โดยเขาเผยว่า Apple น่าจะ เปิดตัว iPad Pro 10.5 นิ้วรุ่นใหม่ในเดือนตุลาคม หลังจากการเปิดตัว iPhone 8 รุ่นใหม่มากกว่า เพื่อให้รูปแบบการเปิดตัวสินค้าใหม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

Apple เลือกที่จะเปิดตัว iPad รุ่น 9.7 นิ้ว มาแทน iPad Air แต่ก็ยังคง iPad mini ไว้อยู่ ทำให้น่าสนใจว่า iPad Pro 10.5 นิ้ว ที่จะมีการปรับปรุงคุณสมบัติใหม่มากมาย จะเปิดตัวในเร็วๆนี้พร้อมกับ Apple Park ในเดือนเมษายนนี้หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

ขอบคุณ – macrumors

The post Apple สั่งผลิต iPad Pro 10.5 นิ้ว แบบจำกัดปริมาณแล้ว แต่วันเปิดตัวและวันเปิดขายยังไม่แน่นอน appeared first on iPhoneMod.

คอมเมนต์แฟนเพจและผู้ใช้ หลังอัปเดต iOS 10.3

$
0
0

แน่นอนว่า iOS ใหม่ๆ ออกมาก็จะมีการสอบถามเสมอว่า ios 10.3 มีอะไรใหม่, ios 10.3 ดีไหม ควรอัปเดตดีหรือเปล่า แบตหละเป็นยังไงบ้าง? ทีมงานได้รวบรวมความเห็นบางส่วนจากผู้ใช้ที่อัปเดต iOS 10.3 แล้ว เสียงตอบรับจะเป็นอย่างไรไปชมกันครับ

คอมเมนต์แฟนเพจหลังอัปเดต iOS 10.3 บางส่วน

แล้วเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่อัปเดตแล้วได้ผลยังไงบ้างครับ แชร์ให้เราทราบที่เมนต์ด้านล่างนี้เลย

ปล. Top  Comment จะถูกอัปเดตลงในบทความนี้นะครับ

The post คอมเมนต์แฟนเพจและผู้ใช้ หลังอัปเดต iOS 10.3 appeared first on iPhoneMod.

วิธีแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Share Live Location) แบบสดๆ บน Facebook Messenger

$
0
0

การแชร์ตำแหน่งปัจจุบันแบบรีลไทม์ (Share Live Location) นั้นคือการส่งพิกัดระบุตำแหน่งของเราให้เพื่อนๆ ในแชทแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่มได้เห็นทันที แม้เราเดินทางอยู่ตำแหน่งนั้นจะเคลื่อนที่ตามไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะปิด

วิธีแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Share Live Location) แบบสดๆ บน Facebook Messenger

  1. อัปเดต Facebook Messenger เวอร์ชันล่าสุด 110.0 หรือใหม่กว่า
  2. เปิดบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (Location Service) ใน iPhone
  3. เลือกเมนู … ในห้องแชทของ Facebook Messenger
  4. เลือก ตำแหน่งที่ตั้ง (Location)

fb-messenger-realtime-location-sharing-01

เลือก Share Live Location ซึ่งระบบจะตั้งค่าไว้นาน 60 นาที ทั้งนี้สามารถกดหยุดได้ตามความต้องการที่ Stop Sharing

fb-messenger-realtime-location-sharing-02

ประโยชน์ของฟีเจอร์ Share Live Location นี้เพื่อให้เห็นตำแหน่งของแต่ละคนหากต้องการนัดหมายกันจะทราบได้ว่าแต่ละคนอยู่ที่จุดไหนแล้วโดยไม่จำเป็นต้องโทรถามให้เหนื่อย

ถือว่าเพิ่มความสะดวกได้เป็นอย่างมากครับ

iMessage ก็สามารถทำ Share Live Location ได้นะ

share-location-imessage-3

เคยสอนไปนานแล้วไม่รู้ว่าจำกันได้หรือเปล่า ลองอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่ แชร์ตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันแบบรีลไทม์ให้เพื่อนผ่าน iMessage ใน iOS 8 และใหม่กว่า จากนั้นก็ค่อยนำไปประยุกต์ใช้งานกันตามความเหมาะสมนะ

บทความโดย iPhoneMod.net

The post วิธีแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Share Live Location) แบบสดๆ บน Facebook Messenger appeared first on iPhoneMod.


รีวิว RAVPower แบตสำรอง 20,100 mAh มี Quick Charge 3.0 และ USB-C

$
0
0

ปี 2017 เริ่มจะได้เห็นอะไรที่ Advance หรือว่าก้าวหน้ามากขึ้นกว่าเดิม นับตั้งแต่ปลายปี 2016 ที่ทาง Apple ได้ขาย MacBook Pro ใหม่ที่มาพร้อม USB-C ทั้งหมด ทำให้หลายคนคงจะเริ่มได้ยินชื่อพอร์ตดังกล่าวและมีความสนใจมากยิ่งขึ้นว่า USB-C นั้นมันคืออะไร วันนี้จะมาพูดนั้นไม่ได้เกี่ยวกับ MacBook Pro โดยตรงนะ ผมจะมาดูเรื่อง “แบตสำรองที่มาพร้อม USB-C ต่างหาก” ซึ่ง RAVPower (ราฟพาวเวอร์) ที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้เป็นแบตสำรองรุ่นแรกที่รองรับ USB-C ที่ iPhoneMod ได้ทดสอบ ความน่าจะสนจะมากน้อยแค่ไหนไปติดตามกันครับ

รีวิว RAVPower แบตสำรองและที่ชาร์จที่เจ๋งที่สุด ณ ตอนนี้

ถ้าพูดถึงแบตสำรองแล้วเราก็คงจะเห็นกันจนชินตากันแล้วและคงคิดว่ายี่ห้อไหนก็เหมือนกัน ขอราคาประหยัดๆ และความจะเยอะๆ เอาไว้ก่อน ถามว่าผิดไหม? ผมว่าก็ไม่ผิดนะ

แน่นอนว่าในตลาดมีแบตสำรองตั้งหลากหลายยี่ห้อและราคาก็ต่างกันออกไปด้วย ซึ่งอย่างน้อยก็ต้องมีจุดเด่นอยู่บ้างแหละถึงจะสามารถเรียกลูกค้าและทำให้ผู้ที่ต้องการสินค้าคุณภาพได้ซื้อหาไปใช้งานกัน

แล้ว RAVPower น่าสนใจยังไง?

อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าแบตสำรองตัวนี้มาพร้อม USB-C ในตัวอาจจะเห็นได้น้อยนักสำหรับแบตสำรองทั่วไปในท้องตลาด ความสำคัญของพอร์ต USB-C ที่มีอยู่บนสำรองนี้คือพอร์ตที่ปล่อยไฟไปยังอุปกรณ์ที่ใช้ USB-C อย่างสมาร์ทโฟนบางรุ่นหรือ Macbook Pro 2016 ได้แล้ว พอร์ตนี้ยังสามารถชาร์จไฟเข้าแบตสำรองได้ (2-in-1) ด้วยมันค่อนข้างที่จะเจ๋งมากๆ เลย

นอกจาก USB-C ที่มาพร้อมแล้วยังมี USB-A อีก 2 พอร์ตที่ความสามารถคับแก้ว ได้แก่

พอร์ต Quick Charge 3.0 ที่สามารถจ่ายกระแสไฟสูงสุดได้ถึง 3A ทำให้ชาร์จสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับ Quick Charge 3.0 ได้เต็มรูปแบบ

พอร์ต iSmart เป็นพอร์ตที่สามารถจ่ายไฟได้อย่างฉลาดโดยจะจ่ายกระแสไฟให้สูงสุดตามความต้องการของแต่ละอุปกรณ์ เช่น ถ้าชาร์จ iPad ตัวแบตสำรองก็จะจ่ายไฟให้แรงสุดได้เลย(แรงสุด 2.4A) หรือถ้าชาร์จ iPhone 7 ก็จะสามารถจ่ายไฟให้แรงสุดได้ 2.1A ไปเลย ผลที่ตามมาคือ แบต iPhone ก็จะเต็มเร็วขึ้นนั่นเองครับ

ข้อมูลทางเทคนิคของ RAVPower

  • ความจุ 20,100 mAh
  • 1 USB-C (Input&Output DC 5V/3A Max)
  • 1 USB-A มาพร้อม Qualcomm Quick Charge 3.0 Technology (Output DC 5~6.5V/3A, 6.5~9V/2A, 9~12V/1.5A Max)
  • 1 iSmart USB-A (Output DC 5V/2.4A Max)
  • 1 Micro USB Input มาพร้อม Quick Charge 3.0 (DC5V~12V/2A Max)
  • Quick Charge 3.0 ใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่มี Quick Charge 1.0 และ 2.0 ได้
  • น้ำหนัก 375 กรัม
  • ชนิดของเซลแบตเตอรี่ Li-Ion 18650 Lithium Cells จาก LG/Panasonic

แกะกล่อง RAVPower 20100mAh QC3.0 + TYPE-C

อุปกรณ์ที่มีในกล่อง

  • RAVPower 20,100mAh Qualcomm Quick Charge 3.0 USB-C/Type-C Port Power Bank
  • 1 x RAVPower USB TYPE-C to Micro USB
  • 2 x Micro USB Cables
  • ซองสำหรับใส่พาวเวอร์แบงค์
  • คู่มือการใช้งาน

แบตสำรองชุดนี้มาในสีดำด้านครับขนาดความกว้างประมาณเดียวกับ iPhone 7 Plus แต่สูงกว่านิดนึงและในแง่ความหนานั้นเท่ากับ iPhone 7 Plus จำนวน 2 เครื่องประกนกันครับ รูปร่างหน้าตาของ RAVPower ตัวนี้เป็นดังนี้ครับ 

ด้วยความที่วัสดุเป็นสีดำด้านทำให้ผิวของแบตสำรองนั้นสากนิดๆ ข้อดีคือจับแล้วไม่ลื่นและไม่โชว์รอยนิ้วมือแถมยังป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีอีกด้วยและซองใส่แบตสำรองที่แถมมานั้นก็ช่วยไม่ให้แบตสำรองเป็นรอยได้ง่ายเช่นกันครับ

ตำแหน่งของพอร์ตและปุ่มต่างๆ

ไล่จากซ้ายไปขวา

  • Micro USB สำหรับชาร์จไฟเข้าแบตสำรอง รองรับ Quick Charge 3.0 ชาร์จเต็มภายใน 4.5 ชั่วโมงเมื่อใช้งานร่วมกับ Adapter ที่มาพร้อม Quick Charge 3.0
  • USB-C สำหรับเชื่อมต่อพอร์ต USB-C ใช้ได้ทั้งจ่ายไฟและชาร์จไฟเข้าในแบตสำรอง
  • USB-A Quick Charge 3.0 
  • USB-A iSmart Port สำหรับการชาร์จไฟให้อุปกรณ์ทั่วไปอย่างชาญฉลาด

ประสบการณ์หลังใช้งาน RAVPower 20100mAh QC3.0 + TYPE-C

หลังจากทดสอบใช้งานสิ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากแบตสำรองตัวนี้คือ

  • ชาร์จ iPhone, iPad แบบเร็วได้ (Max 2A รองรับ iPhone 6 ขึ้นไป)
  • ชาร์จ Macbook Pro 2016 ได้ แต่ต้องปิดเครื่องไฟจึงจะเพิ่ม แต่หากเปิดเครื่อง Macbook Pro แล้วเล่นด้วยไฟจะขึ้นสถานะชาร์จแต่ว่าไฟจะไม่เข้าไปเก็บที่แบต เสมือนว่าเรากำลังเสียบคอมฯ กับปลั๊ก ช่วยได้มากตอนเดินทางแล้วแบต Macbook กำลังจะหมด รุ่นที่ใช้งานร่วมกันนี้ได้แก่ Macbook 12″, Macbook Pro 13″ 2016 และ Macbook Pro 15″ 2016
  • พอร์ต USB-C ที่มีใน RAVPower นั้นชาร์จไฟเข้าและออกได้ สะดวกสำหรับผู้ใช้งาน Macbook Pro 2016 ที่สามารถใช้สาย USB-C นั้นทำการชาร์จได้เลย แถมยังใช้ Adapter ของ Macbook Pro ที่มี USB-C ทำการชาร์จไฟให้แบตสำรองได้เช่นกัน (Adapter Macbook Pro Late 2016 จ่ายกระแสสูงสุด 3A ซึ่ง RAVPower รองรับได้เช่นกัน)
  • สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันสูงสุด 3 ชิ้น
  • เป็นพาวเวอร์แบงค์รุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยี Qualcomm Quick Charge 3.0 เหมาะสำหรับ Android Smart Phone ที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วได้รับประโยชน์จากแบตสำรองนี้เต็มๆ
  • พกขึ้นเครื่องบินได้ความจุไม่เกินมาตรฐานการบินกำหนด

จุดเด่นที่ผมชอบมากที่สุดก็คงจะเป็น USB-C ที่มีในแบตเตอรี่สำรองตัวนี้เพราะว่าช่วยให้ผมชาร์จ Macbook Pro 2016 ได้โดยหาความสามารถนี้ไม่ได้จากแบตสำรองตัวอื่นๆ ในอดีตที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจว่าเดินทางออกนอกสถานที่นอกจากมีแบตเตอรี่ใน Macbook  แล้วถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นก็สามารถใช้แบตสำรองตัวนี้ชาร์จได้นั่นเองครับ อีกจุดก็คือจำนวนพอร์ตที่เยอะก็ช่วยให้ชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันหลายชิ้นนั่นเอง

จุดด้อยที่พอจะมองเห็นก็คงจะเป็นเรื่องน้ำหนักที่และผู้ใช้งาน iOS Devices อาจจะได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่จาก Qucik Charge 3.0 เพราะว่า Apple ยังไม่รองรับแบบสมบูรณ์ อาจจะต้องรอชม iPhone 8 (X) ในปี 2017 นี้ว่าทาง Apple จะอัดความสามารถนี้มาให้หรือไม่

ส่วนสาวก Android Smartphone ที่มี Quick Charge ในตัวก็เหมาะสำหรับแบตสำรองตัวนี้เลยครับ มี Quick Charge 3.0 มาให้ด้วย ทำให้ชาร์จ Smartphone ได้อย่างรวดเร็ว

ราคาและการจัดหน่าย

RAVPower 20100mAh QC3.0 + TYPE-C ราคาจัดจำหน่ายอยู่ที่ 2,890 บาท มาพร้อมการรับประกัน 12 เดือน

ช่องทางการจัดจำหน่าย

พิเศษเพื่อนแฟนๆ ชาว iPhoneMod

แน่นอนว่าต้องมีอะไรพิเศษๆ มาฝากผู้อ่านทุกครั้ง สำหรับสิทธิพิเศษรอบนี้จาก RAVPower แฟนเพจ iPhoneMod รับส่วนลดทันที 200 บาท เมื่อสั่งซื้อ RAVPower 20100mAh QC3.0 + TYPE-C  ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ http://www.sps-tech.com/ เท่านั้น โดยใช้รหัสส่วนลด “iPhonemod_sps

นอกจากได้ส่วนลดแล้วยังรับฟรีอะแดปเตอร์ Quick Charge 3.0 มลูค่า 490 บาท เพื่อให้สำหรับการชาร์จแบตสํารองรุ่น RAVPower 20100mAh QC3.0 + TYPE-C ให้เต็ม เพียงแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น บอกได้เลยว่าคุ้ม!!

 

 

 

The post รีวิว RAVPower แบตสำรอง 20,100 mAh มี Quick Charge 3.0 และ USB-C appeared first on iPhoneMod.

GoodNotes 4 แอปดีต่อการอ่าน PDF จด แก้ไข ไฮไลท์ไฟล์ PDF สายแพทย์ห้ามพลาด!!!

$
0
0

อาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปประชุมที่เชียงใหม่ ปกติแล้วงานประชุมจะมีเอกสารแจกให้แต่การประชุมครั้งนี้ไม่ปกติ เพราะไม่มีเอกสารแจก แต่ให้เป็นไฟล์มาแทน.. ตอนแรกคิดว่าจะปริ้นท์ออกมา แล้วเอาไปนั่งจดฟังบรรยายไปด้วย แต่หลังจากเปิดดูเอกสารเท่านั้น ก็พบว่า ไฟล์ที่ให้มามี เกือบ 500 หน้า ฮ่า ๆ

ถ้าปริ้นท์ออกมาจริงๆ คงต้องใส่กระเป๋าแบกขึ้นเครื่องบินไป คิดในใจ.. “มันจะดีหรอ?” นึกขึ้นได้ว่าสมัยเรียนอาจารย์เคยแนะนำแอปพลิเคชันตัวหนึ่งให้ เหมือนกับเราแบกหนังสือไปด้วยได้ตลอดเวลา แอปพลิเคชันนั้นชื่อว่า “GoodNotes 4” นั่นเองค่ะ

GoodNotes 4 คืออะไร?

เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้สำหรับเขียนหรือจดบันทึก และไฮไลท์ประเด็นสำคัญในเอกสาร PDF

GoodNotes 4 ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

1. ไฮไลท์ประเด็นสำคัญ มีขนาดหัวปากกาไฮไลท์ และสีสันให้เลือกหลากหลายตามใจชอบ


2. เลือกแว่นขยายเพื่อหาประเด็นสำคัญ ช่วยให้เขียนหรือจดบันทึกได้ง่ายขึ้น

3. มีสมุดบันทึกให้ สามารถเขียนหรือพิมพ์ เพื่อจดบันทึกได้ตามต้องการ มีกระดาษหลายขนาด และหลาย Template ให้เลือก

4. มียางลบไว้สำหรับแก้ไขคำผิด

5. นอกจากนี้ยังสามารถแทรกรูปภาพลงไปในเอกสารได้ และหากต้องการนำไฟล์ออกมาใช้งานข้างนอกก็สามารถ export ไฟล์ออกมาได้ด้วยค่ะ

ข้อดีและข้อเสียของ GoodNotes 4

ข้อดี

  • แค่มีเพียง iPhone หรือ iPad ก็สามารถใช้จดบันทึกหรืออ่านเอกสาร PDF ได้เหมือนพกหนังสือหรือปากกาได้ด้วยตลอดเวลา
  • สามารถแยกไฟล์เก็บไว้เป็น Categories ได้ ทำให้ง่ายต่อการค้นหาข้อมูลหรือเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ หากบันทึกไว้ในแอปฯ GoodNotes 4
  • ป้องกันการสูญหายของข้อมูลได้เพราะสามารถ export ไฟล์ออกไปเก็บไว้ได้ทั้ง iCloud Drive, Email, Google Drive หรือ Dropbox เป็นต้น
  • ลายเส้นคมชัดเพราะเส้นที่เขียนเป็นแบบ vector นั่นเอง
  • แอปฯจะซิงค์ข้อมูลหากันอัตโนมัติระหว่าง iPhone และ iPad
  • นอกจากนี้ยังลดการใช้กระดาษ ช่วยประหยัดพลังงานด้วยค่ะ 🙂

ข้อเสีย

  • รองรับได้เฉพาะ iOS เท่านั้น จึงไม่สามารถใช้ได้กับ Smartphone ทุกรุ่น
  • ในช่วงแรก ต้องลองฝึกใช้แอปฯบ่อยๆ เพื่อให้คุ้นชินเนื่องจากอุปกรณ์ที่ให้มาบางตัวอาจใช้งานยากเล็กน้อย
  • หากเปิดใช้งานแอปฯ ใน iPhone อาจไม่ค่อยสะดวกนักเพราะจอเล็กกว่า iPad ทำให้อ่านหรือเขียนไม่ถนัด

คำแนะนำเพิ่มเติม

ควรใช้แอปฯร่วมกับ Stylus หรือ Apple Pencil จะช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่หากไม่มีสามารถใช้มือเขียนแทนได้เช่นกัน เพราะลองเขียนมาแล้วค่ะ อิอิ

แต่บอกก่อนว่า แอปฯนี้ไม่ฟรีนะคะ หากสนใจสามารถซื้อได้ที่ App Store  รับรองว่าคุ้มค่าเงิน 279 บาท ที่เสียไปอย่างแน่นอนค่ะ 🙂

แอปฯนี้เหมาะมากๆ กับนักศึกษาที่กำลังเรียนและต้องมี e-book ประกอบการเรียน ซึ่งจะช่วยได้ดีมากๆ โดยส่วนตัวคิดว่า ยิ่งถ้าใช้ iPad Pro + Apple Pencil จะเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆเลยค่ะ..

The post GoodNotes 4 แอปดีต่อการอ่าน PDF จด แก้ไข ไฮไลท์ไฟล์ PDF สายแพทย์ห้ามพลาด!!! appeared first on iPhoneMod.

การตั้งค่าหลังอัปเดตติดตั้งหรือรีสโตร์ iOS 10.3 ใหม่ ควรเช็คจุดไหนบ้าง

$
0
0

สำหรับผู้ที่ อัปเดตติดตั้งหรือรีสโตร์ iOS 10.3 ใหม่ ควรตรวจสอบและตั้งค่าส่วนต่างๆของระบบ เพื่อให้อุปกรณ์ iOS ทำงานได้อย่างลื่นไหลพร้อมทั้งประหยัดแบตเตอรี่ด้วย

การตั้งค่าหลังอัปเดตติดตั้งหรือรีสโตร์ 10.3 ใหม่

เพื่อการใช้งานอุปกรณ์ iOS ได้สมบูรณ์ ทีมงานแนะนำให้ผู้ใช้ทำการ Reset All Setting (ข้อมูลไม่หาย) หลังการอัปเดตติดตั้งหรือรีสโตร์ iOS 10.3 เสร็จสิ้น หรือทำการ Erase All Content (ข้อมูลหายหมด) เพื่อล้างเครื่องใหม่ก็ได้ (Backup ก่อนดำเนินการ)

ตั้งค่าบัญชีการใช้งานและความปลอดภัย

1. ตั้งค่าข้อมูลการใช้งาน และ Apple ID

ก่อนอื่นผู้ใช้ควรเข้าไปตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลบัญชีการใช้งานและ Apple ID ที่ผูกกับอุปกรณ์นั้นอยู่ ข้อมูลมีความครบถ้วนถูกต้องหรือไม่

ไปที่ Settings > แตะที่ชื่อ Apple ID, iCloud, iTunes & App Store

เข้าไปตรวจสอบข้อมูลและตั้งค่าในส่วนที่สำคัญให้เรียบร้อยดังนี้

  • Name, Phone Numbers, Email : กรอกข้อมูลการติดต่อและข้อมูลส่วนตัว
  • Password & Security : ตั้งค่ารหัสผ่านและข้อมูลความปลอดภัย
  • Payment & Shiping : ตั้งค่าข้อมูลบัตเครดิต การชำระเงิน และที่อยู่การจัดส่ง
  • iCloud : ตรวจสอบข้อมูลบัญชี และพื้นที่การใช้งาน iCloud
  • iTunes & App Store : ตั้งค่าการอัปเดตแอปอัตโนมัติ

2. เปิดการใช้งาน iCloud

ไปที่ Settings > แตะที่ชื่อ Apple ID, iCloud, iTunes & App Store iCloud

นี่คือหัวใจสำคัญที่ต้องขอบอกให้ทุกคนต้องมีเป็นของตัวเองอย่าใช้งานร่วมกับผู้อื่น ก่อนจะใช้งาน iCloud ได้นั้นสิ่งที่ต้องมีคือ Apple ID สมัครได้ฟรีดูที่นี่ จากนั้นก็ล็อคอิน iCloud เพื่อตั้งค่าตามนี้

แนะนำให้เปิดทุกอันเลยใน iCloud

  • iCloud Drive :  ใช้เก็บไฟล์แชร์ไฟล์ระหว่าง iPhone, Mac, Windows  (ฟีเจอร์คล้ายๆ DropBox)
  • รูปภาพและคลังภาพ iCloud : เปิดเพื่อเก็บรูปถ่ายและวิดีโอจาก iOS
  • เมล :  เก็บข้อมูลอีเมล iCloud
  • รายชื่อ :  สำรองรายชื่อใน iPhone เราไว้ ไม่ให้หาย สะดวกเมื่อเปลี่ยนเครื่องหรือเครื่องสูญหาย
  • ปฏิทิน :  เก็บข้อมูลในปฏิทิน การประชุมหรือกำหนดการต่างๆ ที่บันทึกไว้ ยิ่งมีหลายอุปกรณ์ก็จะยิ่งลิงก์กันได้สะดวก
  • โน้ต :  เก็บข้อมูลในแอปโน้ต
  • ข้อมูลสำรอง : เก็บข้อมูลที่จำเป็นทั้งเครื่องเอาไว้ สะดวกในยามย้ายเครื่องหรือเครื่องหาย สามารถถึงไฟล์ก้อนข้อมูลทั้งชุดที่สำรองเอาไว้ลงมาใน iPhone เครื่องใหม่ได้เลย
  • ค้นหา iPhone ของฉัน หรือ Find My iPhone : เปิดไว้เพื่อค้นหาตำแหน่งของ iPhone  และป้องกันไม่ให้ขโมยที่ได้เครื่องไปสามารถนำเครื่องไปใช้งานได้

3. ตั้งรหัสผ่าน Passcode และ Touch ID

ผู้ใช้ควรตั้งค่าในส่วนนี้เพื่อความปลอดภัย สามารถตั้งรหัสเข้าเครื่องได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น แบบ Simple (ตัวเลข 4 ตัว) หรือแบบ Complex (ที่มีตัวอักษร) สำหรับอุปกรณ์อย่าง iPhone 5s, 6, 6 Plus, 6s, 6s Plus, SE, 7 และ 7 Plus แนะนำให้ทำการสแกนนิ้วไว้ด้วยเลย

ไปที่ Settings > Touch ID & Passcode

4. ปิดการใช้งาน Control Center ที่หน้า Lockscreen

ปิดดารใช้งานในส่วนนี้เพื่อป้องกันคนมือซนมาปรับเมนูต่างๆ ใน Control Center เล่นขณะที่เราล็อคหน้าจอเอาไว้ เช่น อาจจะเปิดโหมดเครื่องบิน, WiFi & Bluetooth ทิ้งไว้ให้เปลืองโดยไม่ได้ใช้งาน เป็นต้น

ไปที่ Settings > Control Center > ปิด Access on Lock Screen

ตั้งค่าเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

5. ปรับแต่งคีย์บอร์ด

ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักดังนั้นแนะนำให้เพิ่มคีย์บอร์ดภาษาไทยเข้าไปด้วย (ในกรณีที่ระบบไม่ได้เพิ่มมาให้)

ไปที่ Settings > General > Keyboard > Keyboards > Add New Keyboard… > Thai

ถ้าอยากได้ภาษาอื่นให้เลือกภาษาที่ต้องการเข้าไปด้วย และแนะนำให้ปรับลูกเล่นเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวก โดยเข้าไปตั้งค่าในส่วนที่สำคัญดังนี้

ไปที่เมนู Settings  > General > Keyboard

  • ปิด Auto-Correction  (เสนอคำอัติโนมัติ) : ปิดไม่ให้ iPhone ฉลาดคิดคำแทนเราว่าเรากำลังจะพิมพ์อะไรเพราะส่วนใหญ่คิดคำผิดให้ความหมายเปลี่ยน
  • ปิด Predictive (การคาดเดา) : ข้อดีของการเปิดตัวนี้คือ ระบบ iOS จะเดาคำที่เรากำลังจะพิมพ์ จากนั้นเราสามารถแตะได้เลย แต่หากใครพิมพ์เร็วๆ และไม่ค่อยผิดก็สามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้
  • เปิด Enable Dictation (เปิดใช้งานป้อนตามคำบอก) :  สั่ง iOS ให้พิมพ์ในสิ่งที่เราพูดได้
  • ปิด Auto-Capitalization (ตัวพิมพ์ใหญ่อัตโนมัติ)  :  เพื่อไม่ให้ตัวแรกมันเป็นตัวใหญ่เสมอ (สำหรับภาษาอังกฤษ) เพราะบางครั้งเราอยากเขียนตัวเล็กหมดจะได้ไม่ต้องคอยกด Shift

6. ตั้งค่าเวลาสำหรับการล็อคหน้าจอ

ไปที่ Settings  > Display & Brightness > Auto-Lock 

ค่าปกติของระบบตั้งไว้ที่ 1 นาทีถ้าใครอยากปรับให้เร็วหรือช้ากว่านั้นก็เลือกตามความสะดวก หรือเลือก Never เพื่อไม่ให้หน้าจอล็อคเองอัตโนมัติ

7. ตั้งเวลาเปิด Do Not Disturb แบบอัตโนมัติ

Do Not Disturb สามารถปรับตั้งค่าให้เปิดเองได้ หากเปิด Scheduled ให้เป็น On หมายถึง ถ้าเวลา 4 ทุ่ม – 7 โมงเช้าเครื่องจะอยู่ในโหมดห้ามรบกวน ข้อความแจ้งจะไม่ดัง โทรหาอาจจะไม่ติด ต้องโทรหลายๆ ครั้งถึงจะติด ประโยชน์ก็เพื่อเราจะได้พักผ่อนและไม่ให้ iPhone ส่งเสียงดังเตือนทั้งวันทั้งคืน 

ไปที่ Settings > Do Not Disturb > เลื่อน เปิด Scheduled เพื่อตั้งช่วงเวลา

หรือจะเปิดผ่าน Control Center โดยใช้นิ้ว Slide Control Center ขึ้นมา > แตะที่ รูปพระจันทร์เสี้ยว > จะขึ้น Do Not Disturb On (เปิด)

8. ปรับการควบคุมแสงของหน้าจอและปรับขนาดตัวอักษรที่เหมาะสม

ไปที่ Settings > Display & Brightness ปิด Auto-Brightness และปรับระดับแสงการใช้งานทั่วไปให้อยู่ที่ประมาณ 40% แสงจะได้ไม่จ้าเกินและประหยัดพลังงาน ทั้งนี้หากต้องการแสงเพิ่มก็สามารถปรับที่ Control Center ได้

ปรับ Text Size (ขนาดตัวอักษร) เลือกปรับเล็กใหญ่ได้ตามความต้องการ

9. เปิด Night Shift หลังพระอาทิตย์ตกดิน

Night Shift เป็นคุณสมบัติที่มาพร้อม iOS 9.3 เป็นต้นมาและใน iOS 10 ก็มีเช่นกันครับ ฟีเจอร์นี้ถูกพัฒนามา เพื่อลดแสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจอ iPhone, iPad โดยใช้วิธีการปรับคลื่นแสง (Color Spectrum) สีฟ้าให้เป็นแสงสีเหลืองทำให้หน้าจออุ่นขึ้น(จอเหลือง) ช่วยถนอมสายตา สำหรับผู้ใช้  iPhone, iPad ในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืน

ใช้นิ้ว Slide Control Center ขึ้นมา > แตะที่ รูปดวงอาทิตย์ > จะขึ้น Night Shift On (เปิด)

NightShift1-1

รายละเอียดการตั้งค่าและเปิดใช้งาน Night Shift เพิ่มเติม

10. ตั้งค่า Raise to Wake (ยกเครื่องเพื่อปลุก)

Raise to Wake เป็นคุณสมบัติที่พัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้ iPhone สามารถดูการแจ้งเตือน, ดูเวลา, Siri, สภาพอากาศและเปิดกล้องผ่านหน้าจอ Lock Screen โดยง่าย เพียงแค่ยกเครื่องขึ้นมาดู และเมื่อวางเครื่องลง หรือคว่ำหน้าจอลง หน้าจอก็จะดับไปเองโดยอัตโนมัติ

ไปที่ Setting > Display & Brightness > แตะที่ Raise to Wake > เลื่อน เปิด – ปิด ตามต้องการ

RiseToWake-2

*Raise to Wake รองรับ iPhone 6s, 6s Plus, SE, 7 และ 7 Plus เท่านั้น

11. เปิด Rest Finger to Open เพื่อปลดล็อคหน้าจอ

Rest Finger to Open เป็นคุณสมบัติที่มาทดแทน Slide to Unlock ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone iPad รองรับ Touch ID และมี iOS 10 ขึ้นไป สามารถปลดล็อคหน้าจอโดยใช้เพียงนิ้ววางที่ปุ่ม Touch ID เท่านั้น

ไปที่ Setting > General > Accessibility  > Home Button  > แตะที่ Rest Finger to Open > เลื่อน เปิด – ปิด ตามต้องการ

Rest-to-open-3

*Rest Finger to Open รองรับ iPhone 6s, 6s Plus, SE, 7 และ 7 Plus เท่านั้น

ตั้งค่าเพื่อความลื่นไหลในการใช้งาน

12. เปิด Reduce Motion ให้เครื่องทำงานเร็วขึ้น

ไปที่ Settings  > General > Accessibility > Reduce Motion > เลื่อน เปิด Reduce Motion 

Reduce Motion จะช่วยลดเอฟเฟกซ์ต่างๆ ของอุปกรณ์ทำให้เครื่องเปิดปิดแอปต่างๆได้เร็วและลื่นไหลมากขึ้น

13. เปิด Increase Contrast

ไปที่ Settings  > General > Accessibility > Increase Contrast > เลื่อน เปิด Reduce Transparency และ Darken Color

การเปิด Reduce Transparency จะช่วยลดการโปร่งแสงของเมนูต่างๆ ทำให้ระบบประมวลผลได้เร็ว และการเปิด Darken Color ทำให้ระบบลดแสงสีขาวลง ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น

ตั้งค่าระบบอื่นๆ

14. ตั้งค่าการจัดเรียงรายชื่อ

ส่วนใหญ่คนไทยจะเรียกชื่อขึ้นก่อนนามสกุลเสมอแต่ว่าทางตะวันตกเขามันจะใช้นามสกุลขึ้นก่อน ค่าปกติของรายชื่อเลยจัดเรียงแบบนั้นส่งผลให้ไม่คุ้นเคย

สามารถปรับตั้งค่าที่ Sort Order หรือการจัดเรียงลำดับให้แสดงชื่อแล้วตามด้วยนามสกุล (First, Last)

ไปที่ Settings > Contacts > Sort Order > First, Last

15. ปรับให้ Spotlight Search ค้นหาสิ่งที่เราต้องการให้หา

เดิมที iOS เปิดให้ Spotlight ค้นหาจากทั้งหมดทุกแอปที่มีในเครื่องซึ่งทำให้เกินความจำเป็น โดยปกติแล้วเราจะใช้ Spotlight ค้นหา เพลง รายชื่อผู้ติดต่อ, ข้อความในโน้ตหรือแอปจาก App Store เราก็เลือกเปิดเท่าที่เราต้องการจะค้นหา

ไปที่ Setting  > General > Spotlight Search 

16. ตั้งค่าแผนที่นำทาง

เลือกระดับเสียงและหน่วยระยะทางแสดงผลให้เป็นกิโลเมตรแบบที่เราคุ้นเคย

ไปที่ Settings > Maps > เลือก Distances เป็น in Kilometers (กิโลเมตร)

17. เปิดการใช้งาน iMessage และ Facetime

  • ไปที่ Setting > Message เพื่อรับส่งข้อความจาก iOS Device และ macOS ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย(ยกเว้นค่าอินเทอร์เน็ต)
  • ไปที่ Setting > FaceTime สามารถโทรวิดีโอคอลหรือแบบเห็นหน้าได้หรือจะเลือกโทรแบบเฉพาะเสียงผ่าน VOIP แบบนี้ไม่เสียค่าโทรของเครือข่ายมือถือนะครับเพราะจะใช้อินเทอร์เน็ตแทน ถ้าโทรผ่าน WiFi ก็ฟรีครับ ถ้าโทรผ่าน 3G/4G ก็หักอินเทอร์เน็ตจากแพ็กเกจที่เรามี

เทคนิคเพิ่มเติมสำหรับ FaceTime หากมีหลายอุปกรณ์ เช่น iPhone 1 เครื่องและ iPad 1 เครื่อง ใช้งาน Apple ID ใน FaceTime เดียวกัน จะทำอย่างไรไม่ให้ที่ iPad แจ้งเตือนรับสายเมื่อมีคนโทรเข้า iPhone

คำตอบคือ FaceTime ใน iPad ต้องไม่ติ๊กเบอร์โทรของ iPhone

facetime setting ios9

18. เปิดการใช้งาน Siri

ไปที่ Settings > Siri

เธอคือเลขาส่วนตัวที่เราสามารถสั่งการหรือสอบถามข้อมูลต่างๆ จากเธอได้และอย่าลืมเปิด Hey Siri ด้วย

ios 10 siri

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Siri

ทั้งหมดนี้เป็นการตั้งค่าระบบหลังจากอัปเดตติดตั้งหรือรีสโตร์ iOS 10.3 ตามแบบฉบับของ iPhoneMod แนะนำให้ลองทำตามดูเผื่อใครชื่นชอบ

สำหรับ iOS 10 – 10.2 สามารถติดตามวิธีตั้งค่าแบบเดียวกันได้ที่ การตั้งค่าหลังอัปเดตติดตั้งหรือรีสโตร์ iOS 10 – 10.2 ใหม่ ควรเช็คจุดไหนบ้าง

เรื่องโดย iPhoneMod.net

 

The post การตั้งค่าหลังอัปเดตติดตั้งหรือรีสโตร์ iOS 10.3 ใหม่ ควรเช็คจุดไหนบ้าง appeared first on iPhoneMod.

ฟังตอนรถติด: เอ้าติดเข้าไป – Apple Music Playlist

$
0
0

Apple Music Playlist ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2560 ไปเพลินกับฟังดังไว้เอาฟังตอนรถติด เอ้าติดกันเข้าไป ติดทั้งวันก็จะฟังมันทั้งวัน พร้อมแล้วไปชมกันครับว่ามีเพลงอะไรกันบ้าง

Apple Music Playlist: ฟังตอนรถติด: เอ้าติดเข้าไป

อยากบันทึก Playlist นี้ไว้ฟังทำไง?

กดที่ Listen on Apple Music จากนั้นจะไปยังหน้าของ Playlist นี้ ทำการกด + เพื่อเพิ่มเข้า Music Library ของเราได้เลย

เกี่ยวกับ Apple Music

Apple Music บริการ Music Streaming จาก Apple เลือกฟังเพลงได้หมดในคลังของ Apple Music จะสตรีมฟังก็ได้หรือเซฟไว้ฟังออฟไลน์ก็ได้เช่นกัน ใช้ฟรี 3 เดือนแรก ค่าบริการเริ่มต้น 129 บาทต่อเดือน

The post ฟังตอนรถติด: เอ้าติดเข้าไป – Apple Music Playlist appeared first on iPhoneMod.

Apple ปล่อย iOS 10.3.2 Beta 1 ให้นักพัฒนาได้ทดสอบ

$
0
0

เพียง 24 ชั่วโมงหลังจากที่ Apple ได้ปล่อย iOS 10.3 เวอร์ชันเต็มให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้อัปเดตกันไปแล้วนั้น ทาง Apple ก็ออก iOS 10.3.2 Beta 1 ให้กับเหล่านักพัฒนาที่ลงทะเบียนได้ทดสอบกันแล้ว

Apple ปล่อย iOS 10.3.2 Beta 1 ให้นักพัฒนาได้ทดสอบ

นอกจาก iOS 10.3.2 Beta 1 ที่ปล่อยให้นักพัฒนาได้ดาวน์โหลดไปทดสอบแล้วนั้น ยังมี

  • macOS 10.12.5 Beta 1
  • watchOS 3.2.2 Beta 1
  • tvOS 10.2.1 Beta 1

ถูกปล่อยออกมาให้ลองเช่นกัน

รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นจะ ทีมงานจะอัปเดตให้ทราบอีกครั้ง

The post Apple ปล่อย iOS 10.3.2 Beta 1 ให้นักพัฒนาได้ทดสอบ appeared first on iPhoneMod.

iOS 10.3.2 Beta 1 ไม่รองรับอุปกรณ์ 32bit อย่าง iPhone 5, iPhone 5c และ iPad 4

$
0
0

iOS 10.3.2 Beta 1 ที่ถูกปล่อยออกมาไม่นานหลังจากปล่อยอัปเดต iOS 10.3 ล่าสุด iOS 10.3.2 Beta 1 ไม่รองรับอุปกรณ์ 32bit อย่าง iPhone 5, iPhone 5c และ iPad 4 แล้ว

ลาก่อน iPhone 5

สำหรับผู้ใช้ อุปกรณ์ 32bit อย่าง iPhone 5, iPhone 5c และ iPad 4 จะได้ใช้ iOS ล่าสุดคือ iOS 10.3 ไม่สามารถอัปเดตเป็น iOS ตัวใหม่อย่าง iOS 10.3.2 Beta 1 หรือ iOS 10.3.2 ในอนาคตได้

ก่อนหน้านี้ใน iOS 10.3 เริ่มมีการแจ้งเตือนให้นักพัฒนา อัปเดตแอป 32bit (ประมาณ 200,000 แอป) ให้เป็น 64bit ซึ่งการแจ้งเตือนดังกล่าวคาดว่าจะมีผลเร็วๆนี้ (หรือใน iOS 11) เนื่องจาก iOS 10.3.2 Beta 1 ไม่รองรับอุปกรณ์ 32bit แล้ว

รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงใน iOS 10.3.2 Beta 1

  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานระบบทั่วไป
  • ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน SiriKit
  • แก้ไขปัญหา URL Redirect ใน Safari
  • โหมด SOS ใช้งานได้เฉพาะประเทศอินเดีย
  • ใช้โหมด Reduce Motion กับเว็บที่รองรับได้ใน Safari (เปิดเว็บลื่นขึ้น)

ชมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ iOS 10.3 เพิ่มเติม

ขอบคุณ – EverythingApplePro9to5mac

The post iOS 10.3.2 Beta 1 ไม่รองรับอุปกรณ์ 32bit อย่าง iPhone 5, iPhone 5c และ iPad 4 appeared first on iPhoneMod.

แอป Facebook อัปเดตใหม่ เพิ่มเอฟเฟกซ์กล้อง, แชร์ Story และ Direct คอมเม้นส่งข้อความ

$
0
0

ก่อนหน้านี้ Facebook ได้ปล่อยคุณสมบัติ Story ในแอป Facebook ให้กับผู้ใช้บางกลุ่ม ล่าสุดคุณสมบัติ เอฟเฟกซ์กล้อง, แชร์ Story และ Direct คอมเม้นส่งข้อความ ถูกเปิดให้ใช้งานผ่านแอป Facebook แล้ว

Facebook Story

คุณสมบัติ Facebook Story ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแอป Social Network ซึ่งหลายๆแอปอย่าง Instagram, Snapchat มีคุณสมบัติดังกล่าวมานานแล้ว ล่าสุด Facebook ก็ได้เพิ่มคุณสมบัติ เอฟเฟกซ์กล้อง, แชร์ Story และ Direct คอมเม้นส่งข้อความ ให้กับแอป Facebook และเปิดให้ใช้งานกัน

ส่วนที่เพิ่มเข้ามาด้านบนซ้าย จะมี 3 ส่วนหลักที่เพิ่มเข้ามา คือ

Camera ไอคอนรูปกล้อง เมื่อแตะเข้าไปแล้วสามารถถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอสั้นๆ พร้อมใส่เอฟเฟกซ์ต่างๆได้ อย่างมากมาย

Story ส่วนที่แสดงการแชร์เรื่องราว (Story) จากตัวเราเองหรือคนอื่นๆ เมื่อเราแชร์ภาพหรือวิดีโอผ่าน Story คนอื่นสามารถเข้ามาดู ถูกใจ และ Direct คอมเม้นได้ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นเรื่องราวก็จะถูกซ่อนจาก Timeline

 

Direct เป็นการแชร์ภาพหรือวิดีโอโดยตรงให้กับบุคคลที่เราต้องการให้เข้าไปดู Story ภายใน 24 ชั่วโมง และยังเป็นจุดที่แจ้งเตือนในกรณีที่มีคนมาคอมเม้นหรือส่งข้อความเมื่อเราแชร์ Story โดยสิทธิ์การเข้าไปดูคอมเม้นแสดงความเห็นขึ้นอยู่กับเจ้าของ Story ว่าจะกำหนดให้ใครเห็นได้บ้าง

ก่อนที่จะแชร์ Story เราสามารถกำหนดได้ว่าต้องการแชร์ Story ให้ใครเห็นได้บ้าง

สำหรับใครที่อัปเดตแล้วไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวแนะนำให้ลบแอปแล้วดาวน์โหลดติดตั้งใหม่ สามารถดาวน์โหลดและอัปเดตแอป Facebook เป็นเวอร์ชันล่าสุดได้ที่ App Store

The post แอป Facebook อัปเดตใหม่ เพิ่มเอฟเฟกซ์กล้อง, แชร์ Story และ Direct คอมเม้นส่งข้อความ appeared first on iPhoneMod.


APFS (Apple File System) ระบบไฟล์แบบใหม่ที่มาแทนที่ HFS+

$
0
0

Apple เดิมทีใช้ระบบไฟล์ Hierachical File System (HFS) มาตั้งแต่ยาวนานก่อนจะมาปรับปรุงเป็น HFS+ และล่าสุดเป็น Apple File System (APFS) ซึ่งจะอยู่ในอุปกรณ์ทุกอย่างตั้งแต่ Apple Watch, iPhone ไปจนถึง Mac Pro โดยจุดมุ่งหมายหลัก ๆ ก็คือการเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการออกแบบมาสำหรับหน่วยความจำแบบแฟลช

Apple File System
Apple File System

Apple File System (APFS)

เพื่อเป็นการประหยัดทรัพยากรตัวอักษรต่อไปนี้ผมขอเรียกแค่ว่า “APFS” โดยระบบไฟล์แบบใหม่นี้จะมาพร้อมกับ iOS 10.3 เป็นต้นไป ซึ่งจะมาแทนที่ระบบไฟล์แบบเก่า HFS+ ที่เปิดตัวตั้งแต่ยุค ’90 (1998) และก็ไม่ต้องห่วงเพราะมันแทบไม่กระทบอะไรกับผู้ใช้งานทั่วไปเลย

คุณสมบัติใหม่

  • Clones
  • Snapshots
  • Encryption
  • Data integrity
  • Crash protection

APFS ไม่เพียงแค่มีความเร็วขึ้นจากการที่ low-latency ดังนั้นจึงจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ เช่นการเปิดตัวแอปและการส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่า แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อ SSD และรองรับคำสั่ง TRIM ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ลบไฟล์จำนวนมาก และต้องการเก็บพื้นที่ว่างไว้เป็นจำนวนมาก

Snapshot ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ฉีกกฎการ Backup แบบเก่าสร้างสำเนาแบบอ่านอย่างเดียว และไม่ทำซ้ำกับข้อมูลใด ๆ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสามารถกลับไปกลับมาได้

macOS หรือระบบปฏิบัติการใดก็ตามจำเป็นต้องมีการ “แบ่งพาร์ดิชั่น” ซึ่งภาษาชาวบ้านก็คือการกั้นห้องนั่งเอง (C:\ หรือ D:\) และในระบบไฟล์ APFS ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าไดร์ฟไหนเหลือพื้นที่เท่าไหร่ เนื่องจากมันสามารถแชร์กันได้อย่างไม่ตายตัว

APFS (อีกแล้ว) มีการบันทึกแบบ atomic-level เพื่อใช้ตรวจสอบการเขียน copy-on-write เพื่อสร้างเวอร์ชันใหม่และมีการเปิดตัวเวอร์ชันเก่าเมื่อทำการบันทึกไฟล์เสร็จสมบูรณ์ รวมถึงยังมีการ checksums ใน metadata ที่ถึงแม้จะไม่ใช่ข้อมูลของผู้ใช้ก็ตาม

APFS จะถูกนำไปใช้กับทุกสิ่งหรือไม่

สำหรับระบบไฟล์ใหม่นี้ยังเป็นรุ่นแรก (และจะมีอัปเดตตามมาภายหลัง) นั่นหมายความว่ามันไม่ใช่ทุกสิ่งของ Apple ทำนองเดียวกับระบบ checksums ของข้อมูล Error Correction Code (ECC) ซึ่งยังเห็นสามารถจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชได้ทันสมัยอยู่

ในระบบ iOS ถึงแม้ว่าจะปล่อยแล้วแต่ macOS ยังอยู่ในรุ่นทดสอบและไม่สามารถใช้กับ

  • Startup disks
  • Time Machine
  • FileVault
  • Fusion Drive

และน่าเสียดายที่ APFS ในตอนนี้ไม่ได้เปิดเป็น Open Source เหมือนกับ Mach Kernel, WebKit, LLVM, และ Swift (แต่ในอนาคตก็ไม่แน่) ซึ่งไม่ว่าคุณจะชอบมันหรือไม่หากอัปเดต iOS 10.3 คุณก็จะได้ใช้มันอยู่ดี และถึงแม้ว่าไม่มีอะไรการันตีว่ามันปลอดภัย 100% แต่เชื่อเถอะว่ามันปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ที่มา – imore

The post APFS (Apple File System) ระบบไฟล์แบบใหม่ที่มาแทนที่ HFS+ appeared first on iPhoneMod.

Facebook Messenger สามารถกด Dislike (ไม่ชอบ) ได้แล้ว

$
0
0

เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2560 ได้รายงานไปว่า Facebook กำลังทดสอบปุ่ม “Dislike” ในแอป Messenger อัปเดตล่าสุดแจ้งว่าตอนนี้สามารถใช้งานปุ่มดังกล่าวได้แล้วโดย ณ ตอนนี้ยังใช้ได้ผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น

ตัวอย่าง Reaction ใน Facebook Messenger

หน้าตาเต็มๆ จะเป็นยังไงไปชมคลิปนี้กันได้เลยครับ

ใครอยากลองก็เชิญกันได้เลยนะครับ

The post Facebook Messenger สามารถกด Dislike (ไม่ชอบ) ได้แล้ว appeared first on iPhoneMod.

StoreKit API ที่อยู่ใน iOS 10.3 สามารถให้คะแนนใน App ได้เลย

$
0
0

โดยปกติผู้ใช้งานสามารถให้คะแนนหรือรีวิวได้ทุกแอปพลิเคชัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้อื่นในการตัดสินใจดาวน์โหลด (หรือซื้อ) แอปพลิเคชันนั้น นอกจากนี้ยังเป็นการ ฝากด่า แสดงความเห็นส่งตรงถึงนักพัฒนาได้โดยตรง และในเวอร์ชั่น iOS 10.3 ก็จะสะดวกขึ้นไปอีกขั้น

Ratings and Reviews
Ratings and Reviews

iOS 10.3 สามารถให้คะแนนใน App ได้เลย

StoreKit API เวอร์ชันใหม่ที่อยู่ใน iOS 10.3 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรีวิวและให้คะแนนในแอปพลิเคชันนั้นได้เลย (ไม่ต้องออกไปยัง App Store) นอกจากนี้ทางนักพัฒนาก็ยังสามารถมาตอบคำถามลูกค้าได้โดยตรง รวมถึงลูกค้าจะยังได้รับการแจ้งเตือนอีกด้วย คุณสมบัตินี้ใช้ได้ทั้งกับ iPhone, iPad และ Mac

หากลูกค้าได้ผลลัพธ์จากนักพัฒนาเป็นที่น่าพอใจ ก็สามารถมาแก้ไขรีวิวในภายหลังเช่นกัน

ที่มา – developer.apple.com

The post StoreKit API ที่อยู่ใน iOS 10.3 สามารถให้คะแนนใน App ได้เลย appeared first on iPhoneMod.

iOS 10.3 ช่วยอุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยมากกว่า 300 จุด

$
0
0

ไม่นานมานี้ Apple ปล่อยอัปเดต iOS 10.3 และ 10.3.2 Beta 1 ตามมาติดๆ โดยในอัปเดตนั้นมีการอุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยมากกว่า 300 จุด

เว็บไซต์ 9to5mac รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเดต iOS 10.3 ที่นอกจากจะมีคุณสมบัติใหม่อย่าง Find My AirPods และระบบไฟล์ APFS แล้ว ยังมีการอัปเดตปิดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยมากกว่า 300 จุด

iOS 10.3 อุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย

โดยในอัปเดต iOS 10.3 และ iOS 10.3.2 Beta 1 นั้น มีการอุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาหลายจุด อย่างเช่นกรณี Spam ใน Safari ที่ขึ้นข้อความ Cannot Open Page ที่เหล่า Hacker ใช้ช่องโหว่นี้ ทำการล็อคการใช้งาน Safari แล้วมีการเรียกค่าไถ่เพื่อปลดล็อค เป็นต้น

การอัปเดต iOS และ macOS เวอร์ชันใหม่ยังสามารถปิดช่องโหว่อื่นๆได้หลายจุด รวมถึงปัญหา CVE-2017-2485 ที่เป็นช่องโหว่ของ Safari ใน iOS และ macOS โดยเมื่อเราเปิดเว็บไซต์ที่มี URL เป็น HTTPS แต่ข้อมูลการรับรองความปลอดภัยกลับหายไป ทำให้ Hacker สามารถใช้ช่องโหว่ดังกล่าวเข้าไปโจมตีระบบได้

รวมไปถึงเมื่อไม่นานมานี้ที่ WikiLeaks เคยมีการเผยถึงช่องโหว่ต่างๆที่ CIA ใช้ และทาง Apple เองก็ออกมาเผยว่าการอัปเดต iOS เวอร์ชันใหม่ช่วยอุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาได้หมดแล้ว ดังนั้นทีมงานจึงขอแนะนำให้ผู้ใช้อุปกรณ์ iOS, macOS หรืออื่นๆ ทำการอัปเดต OS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูวสุดในการใช้งานอุปกรณ์

ชมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ iOS 10.3 เพิ่มเติม

ขอบคุณ – 9to5mac

The post iOS 10.3 ช่วยอุดช่องโหว่และแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยมากกว่า 300 จุด appeared first on iPhoneMod.

แอป iPhone (ไอโฟน) ที่ควรติดตั้งหลังอัปเดต iOS 10.3

$
0
0

ติดตั้ง iOS 10.3 เพื่อความลื่นไหลและสเถียร (รวมถึงลดโอกาสเกิดปัญหาการใช้งาน) ผู้ใช้งานควรทำการ Restore เครื่องใหม่หมด แน่นอนว่าคุณควรสำรองข้อมูลไว้ผ่าน iCloud หรือ iTunes แต่การมานั่งไล่ติดตั้ง App หลังล้างเครื่องใหม่อาจทำให้หลายคนสับสนมึนงงเล็กน้อย วันนี้เราจึงรวบควมรายชื่อ App มาตรฐานมาให้

App ที่ควรติดตั้งหลังอัปเดต iOS 10.3

ลองเลือกกันชมกันดูนะครับมีทั้งแอปฟรีและไม่ฟรีมาบอกกัน ชอบตัวไหนก็โหลดไปใช้งานกันได้เลย

  • Facebook : เครือข่ายสังคมที่ใหญ่สุดในโลก และคนไทยน่าจะมีกันเกือบทุกคน
  • Messenger : แชทอันนี้แทบจะเป็นภาคบังคมพ่วงจากอันบน
  • Instagram : เจ้าของเดียวกันกับสองอันบน เครือข่ายสังคมเหมือนกัน แต่เน้นรูปมากกว่า
  • Twitter : อีกหนึ่งเครือข่ายสังคมที่เน้นไปที่ข้อความสั้นได้ใจความ
  • LINE : แอปพลิเคชันแชทอันดับหนึ่งของคนไทย
  • WeChat : แอปแชทอีกหนึ่งค่ายหากมีเพื่อนต่างชาติชาวจีนแนะนำต้องแอปนี้echar
  • YouTube : คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากกับผู้ให้บริการวิดีโอที่ใหญ่ที่สุด
  • Chrome : ถึงแม้ว่าในเครื่องจะมี Safari แต่บางคนอาจติดใจตัวนี้มากกว่า
  • Gmail : แอปพลิเคชันจัดการอีเมลสุดเรียบง่ายจาก Google
  • Google Maps : ผู้ช่วยคู่ใจเวลาหลงทาง
  • Speedtest : ทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต (อย่ากดบ่อยเปลืองเน็ต)
  • JOOX Music : ฟังเพลงลิขสิทธิ์ฟรี ทุกที่ ทุกเวลา
  • WhosCall : เบอร์ไหนขายประกัน โทรมารู้หมด
  • Snapseed : โปรแกรมแต่งภาพ ใช้ง่ายจาก Google
  • Find my iPhone : ค้นหาไอโฟนเครื่องอื่นที่หายไป
  • Dropbox : สำรองไฟล์ สะดวกแชร์
  • Google Translate : แปลภาษาสารพัดจากทั่วโลก
  • Grab : เรียก TAXI ง่ายไม่ต้องกราบ
  • Uber : เรียกรถเหมือนแอปฯ ข้างบน แต่คนละค่าย
  • AirPay : จ่ายบิลฟรี สะดวกและปลอดภัย
  • Piggipo : บริหารจัดการสร้างวินัยใช้บัตรเครดิต
  • Starbucks Thailand : จ่ายกาแฟชื่อดัง สะดวกไม่ต้องพกบัตร
  • TrueMoney Wallet : อีกหนึ่งแอปฯ กระเป๋าเงินออนไลน์
  • Strava : แอปสำหรับสายปั่นจักรยานและวิ่งออกกำลังกาย
  • Andy: ฝึกแชทภาษาอังกฤษกับ bot
  • YaAndYou : ข้อมูลเรื่องยาค้นหาง่ายๆ ด้วยแอปนี้
  • Foodie : แอปสำหรับถ่ายเมนูอาหาร ถ่ายปุ๊บ น่ากินปั๊บเลย เหมาะสำหรับสายกิน
  • Agoda : จองโรงแรมผ่านมือถือเป็นเรื่องที่ง่ายและรวดเร็ว
  • LINE TV : แฟนๆ ซีรีส์เรื่องต่างๆ โดยเฉพาะครอบครัวเป็นต่อ ดูผ่านแอปนี้ได้เลย

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

แล้วเพื่อนๆ มีแอปไหนแนะนำไหม? คอมเมนต์บอกเราไว้ด้านล่างนี้ได้เลย มาแชร์รายชื่อแอปที่เราชื่นชอบกันนะครับ

The post แอป iPhone (ไอโฟน) ที่ควรติดตั้งหลังอัปเดต iOS 10.3 appeared first on iPhoneMod.

Viewing all 24308 articles
Browse latest View live


<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>