เมื่อกลางดึกของวันอังคารที่ผ่านมาทาง Apple ได้เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่และนอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ เพิ่มเข้ามาด้วย ขอสรุปเป็นหัวข้อให้ได้ทราบกับง่ายๆ ดังนี้
1. เปิดตัวใหม่ iPhone 6, iPhone 6 Plus
เป็นไปตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้เมื่อ Apple เปิดตัว iPhone หน้าจอ 4.7 นิ้วภายใต้ชื่อ iPhone 6 และหน้าจอ 5.5 นิ้วภายใต้ชื่อ iPhone 6 Plus นอกจากหน้าจอที่ใหญ่ต่างกันแล้วความสามารถของทั้ง 2 เครื่องเป็นดังนี้
- หน้าจอ Retina Display HD ความละเอียดที่ 1334x759px และ 1920x1080px (iPhone 6, iPhone 6 Plus ตามลำดับ)
- จำนวน pixel ของจอเพิ่มขึ้น 38%, 185% (iPhone 6, iPhone 6 Plus ตามลำดับ) เมื่อเทียบกับ iPhone 5s
- ความหนาของเครื่องอยู่ที่ 7.6mm, 6.9mm, 7.1mm (iPhone 5s, 6, 6 Plus ตามลำดับ)
- แบตเตอรีดีขึ้นแต่ไม่มากสำหรับ iPhone 6 แต่ใน iPhone 6 Plus นั้นถือว่าค่อนข้างใช้ได้นาน
- iPhone 6 Plus รองรับ Lanscape Mode
- หน่วยประมวลผลชิป A8 แบบ 64-bit ที่มาพร้อมหน่วยประมวลผลร่วมสำหรับการประมวลผลภาพกราฟฟิก M8
- ชิป A8 เล็กว่า 13% เมื่อเทียบกับ A7
- CPU ทำงานเร็วขึ้น 25%, Graphic ทำงานเร็วขึ้น 50%เมื่อเทียบกับ iPhone 5s
- มีตัววัดแรงดันอากาศที่จะบอกความกดอากาศ, ความสูงได้
- รองรับ Voice Over LTE ความเร็วสูงสุด 150 Mbps
- Gigabit Wifi มาตรฐาน IEEE 802.11ac เล่น Wifi ได้เร็วกว่าเดิม 3 เท่า(แต่เร้าเตอร์ต้องรองรับ AC ด้วย)
- รองรับ Wifi calling เครือข่ายจะต้องเป็นผู้จัดการเรื่องนี้
- กล้องใหม่ความละเอียดเท่าเดิมที่ 8 ล้านพิกเซลแต่คุณภาพดีกว่าเดิมเพราะใช้ Sensor ตัวใหม่หมด
- สเปคกล้องหลัง 8MP, true-tone flash. 1.5 micron pixels, f/2.2 aperture
- โฟกัสภาพได้ไวกว่าเดิม 2 เท่าเทียบกับ iPhone 5s
- บันทึกภาพพาโนรามาขนาดความละเอียดได้สูงถึง 43 megapixels
- กล้องมาพร้อมระบบกันสั่น iPhone 6 มี “digital” image stabilization ส่วน iPhone 6 Plus มี optical image stabilization
- บันทึกวีดีโอความละเอียด 1080p ที่ 30fps หรือ 60 fps มาพร้อมระบบกันสั่นด้วยเช่นกัน
- บันทึกวีดีโอแบบ Slo-mo ได้ที่ 120fps หรือ 240fps
- กล้อง Facetime HD ใหม่ใช้sensor ใหม่หมด f/2.2 และน้ำหนักเบากว่าเดิม 81%
- มาพร้อม iOS 8
- มี 3 สีได้แก่ ทอง,เงิน,เทาดำ
- มี 3 ความจะได้แก่ 16GB, 64GB, 128GB
- ราคา $199, $299, $399 ที่สหรัฐฯ พร้อมติดสัญญา 2 ปี
- เปิดจอง 12 กันยายน เปิดขาย 19 กันยายน 2557 เข้าไทยน่าจะปลายตุลาคม
โดยรวมที่เกี่ยวกับ iPhone 6, 6 Plus ก็จะประมาณนี้ ต่อไปไปดูสินค้าชิ้นใหม่
2. เปิดตัว Apple Watch
ข่าวลือให้ชื่อว่า iWatch แต่ชื่อจริงคือ Apple Watch มันคือสมาร์ทนาฬิกาที่ได้รับการพัฒนาทั้งทางด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์มาด้วยกันอย่างลงตัวดั่งที่ Apple ได้กล่าวไว้ว่า “เทคโนโลยีที่เป็นคุณ และเป็นส่วนตัวที่สุดเท่าที่เราเคยมี”
- เป็นนาฬิกาที่ใช้บอกเวลาและทำสิ่งต่างๆ ได้หลากหลาย
- Apple Watch มาให้เลือก 3 แบบ คือ Apple Watch, Apple Watch Sport และ Apple Watch Edition (แบ่งตามแนวการสวมใส่)
- Apple Watch ตัวเรือนสแตนเลสสตีลหรือสแตนเลสสตีล สีดำสเปซแบล็ค จอภาพผลึกแซฟไฟร์ พร้อมสายสวยงามหลากหลายสไตล์
- Apple Watch Sport ตัวเรือนอะลูมิเนียมชุบผิว สีเงินหรือ สีเทาสเปซเกรย์ จอภาพกระจก Ion-X อันแข็งแกร่ง พร้อมสายที่ทนทาน และมีสีสันสดใส
- Apple Watch Edition ตัวเรือนทองคำ 18 กะรัต สีเยลโลว์โกลด์ หรือสีโรสโกลด์ จอภาพผลึกแซฟไฟร์ พร้อมสายและตัวล็อคท่ีงามประณีต
- ความสามารถเช่น แสดงผลเมื่อมีสายหรือข้อความใหม่เข้ามา (Apple Watch จะลิงก์กับ iPhone 5 ขึ้นไป)
- ติดต่อกับเพื่อนๆ ที่ใช้ Apple Watch เหมือนกันได้โดยการส่งข้อความ โทรหา วาดรูป ก็ทำได้
- รับส่งข้อความ
- แจ้งเตือนเมื่อทีอีเมลเข้ามา
- โทรเข้าออกได้ (ต้องลิงก์กับ iPhone)
- มี Siri
- มี navigator หรือแผนที่นำทางได้
- มีระบบการสัมผัสแบบดิจิตอลหรือ Digital Touch ที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกได้จากอุปกรณ์
- วาดภาพแล้วส่งให้เพื่อนได้
- ใช้เป็น Walkie-Talkie ได้
- วัดการเต้นของหัวใจได้
- ติดตามกิจกรรมการออกกำลังกายได้
- เตือนความจำ
- ระบบกันน้ำ
- ปฎิทิน, Passbook,แผนที่, เล่นเพลง, ใช้เป็นรีโมทกล้องหรือใช้คุม Apple TV ก็ได้
- ดูรูป, การเชื่อมต่อบลูทูธ เป็นต้น
- ราคาเริ่มที่ $349
- เริ่มขายต้นปี 2015
ฟีเจอร์นั้นค่อนข้างที่จะเยอะมากๆ ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ Apple Watch
3. ระบบจ่ายเงินชื่อ Apple Pay
Apple จะช่วยให้คุณจ่ายเงินได้ง่ายขึ้นด้วยระบบ Apple Pay ไม่ว่าคุณจะลืมบัตรเครดิตไว้ที่บ้านแต่ไม่ลืม iPhone 6, iPhone 6 Plus เท่านี้คุณก็จะชำระเงินได้อย่างง่ายดาย โดย Apple ให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้จ่ายหมดกังวลแม้ว่าอุปกรณ์จะหายหรือว่าโดนขโมยก็จะไม่มีใครใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้นอกจากเราเอง
Apple ได้ติดต่อกับทั้งบริษัทหรือธนาคารใหญ่ๆ ให้หันมาใช้ระบบนี้และทั้งยังขยายไปยังร้านค้าต่างๆ รวมทั้ง Apple Store ด้วย นอกจาก Apple Pay จะใช้แบบ Offline ที่ร้านได้แล้วก็ยังสามารถชำระผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วย
Apple Pay จะเริ่มใช้งานในเดือนตุลาคม 2557 นี้ที่สหรัฐฯ แต่คิดว่าคงนานกว่าจะเข้าไทยหรือว่าอาจจะไม่เข้าเลยก็เป็นได้
หลักๆ ของงานคือนนี้ก็นี้เท่านี้แหละครับ นอกนั้นก็เป็นเรื่องของสถิติและก็อัลบัมฟรีจาก U2